สุขภาพพระครูปริยัติกิตติวรรณ
ปี 2555
วิธีดูแลป้องกันและรักษา   เพื่อสุขภาพ  พระมหาวีระ    กิตฺติวณฺโณ
จากคำแนะนำ และข้อมูล  ของหลาย ๆ ท่าน   หลายแหล่ง และหลายศาสตร์
เรียกโรคนี้ว่า  “การเจ็บป่วยเรื้อรัง วิบากกรรมร้ายแรง     (เศษกรรม ๓ ทวารต่างกรรมต่างวาระท่วมทับ)”           เป็นโรคที่ต้องดูแล ป้องกันและรักษาตลอดชีวิต
๑.	ดื่มน้ำเปล่าให้มาก ๆ     ในแต่วันอย่าปล่อยให้ร่างกายขาดน้ำ
๒.	ลดปริมาณอาหารแป้งและน้ำตาลในแต่ละมื้อ  (ฉันข้าว มื้อละ ๑ จาน)
๓.	ฉันกระเทียมซอย จำนวน ๗ กลีบใหญ่  ผสมน้ำมะนาว  วันละ ๒ ครั้ง พร้อมกับการฉันภัตตาหารเช้า-เพล
๔.	ฉันภัตตาหาร(กับข้าว) ที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย ปราศจากสารพิษตกค้าง
๕.	อาหารที่พึงละเว้น ที่ประกอบด้วยน้ำตาล เกลือ ไขมัน  เกินกำหนด  เช่น  ของหวาน  อาหารที่หวาน  อาหารที่เค็ม  อาหารที่มีไขมัน ของหมักดอง  หรืออาหารบางอย่าง เช่น เนื้อไก่   เครื่องในสัตว์  หน่อไม้   ข้าวเหนียว    รสจัด   เผ็ด  เป็นต้น
๖.	ดื่ม/ฉันยาสมุนไพรขับสารพิษเป็นระยะ ๆ
๗.	นั่งสมาธิอย่างต่อเนื่อง เช้า สาย บ่าย เย็น เพื่อรักษาบรรยากาศที่เอื้อต่อสุขภาพและรักษาความสมดุลของร่างกายกับจิตใจ
๘.	เดินจงกรมสลับกับการนั่งสมาธิ  เพื่อการปรับอิริยาบถ และเป็นการออกกำลังกาย
๙.	จัดบรรยากาศ หรือ อยู่ในบรรยากาศที่เอื้อต่อการดูแลป้องกันรักษาสุขภาพ   เว้นบรรยากาศที่แสลงต่อโรค
๑๐.	สำคัญ คือ รักษาใจให้สดใส  ผ่องใส อย่างต่อเนื่อง
๑๑.	ฝึกตนกระทำทุกวันให้คุ้นชิน กลายเป็นนิสัยถาวร
ถ้าไม่ดูแล ป้องกันและรักษาสุขภาพดังที่กล่าวนี้  จะทำให้สุขภาพย่ำแย่ มีชีวิตอยู่อย่างทนทุกข์ทรมาน  ถ้าทำได้จะเกิดสุขภาพแบบ  “อยู่เย็นเป็นสุขอย่างแท้จริง”
๕ ธ.ค. ๕๕
บันทึกการปฏิบัติธรรม ดูแลสุขภาพวันที่ ๗ ธันวาคม ๒๕๕๕ (วันเต็มรูปแบบ)  นับเป็นวันที่ ๓
-	ลุกนั่งสมาธิ ตี 4  เป็นเวลา  1 ชม.
-	6.30 เดินจงกรม   40 นาที
-	ฉันเช้า ข้าวกับปลาทู ถั่ว
-	ฉันเสร็จเดิน 30 นาที  
-	นั่งสมาธิ 2 ชม.
-	เดิน 10 นาที
-	เพลข้าวกับผัก
-	เดิน 1 ชม.
-	นั่งสมาธิ 2 ชม.
-	เดิน 1 ชม.
-	นั่งนั่งสมาธิหลังทำวัตร 30 น.
-	ก่อนจำวัด  1ชม.
-	ดื่มน้ำทั้งวัด  6 ลิตร
-	กำลังกาย กำลังใจ ดีขึ้นอย่างชัดเจน
-	กำลังใจจะมั่นใจในการต้อนรับโยม/ชวนโยมทำบุญ
-	การฝึกตนอย่างนี้ จะทำหน้าที่เจ้าอาวาสได้อย่างดีต่อไป
ปี 2559
ขอเชิญร่วมงานบุญวัฒนธรรมชาวพุทธสร้างสุขภาพ
แต่งชุดขาวสวดมนต์เสริมสิริมงคลให้แด่ตนและนั่งสมาธิด้วย
เวลา 9.00 -13.00 น. ณ วัดสะเดารัตนาราม
จัดเดือนละครั้ง
13 มกราคม 2559 
ปี2562
เหตุการณ์ สุขภาพ พระมหาวีระ   กิตฺติวณฺโณ   
ป่วย เดือน เมษายน  ทุกปี
ปี ๒๕๕๒	ติดตามข่าว ดีสเตชั่น  อยู่ดึก ตื่นดึก ตี ๕  เริ่มปลายมีนาคม  เริ่มป่วย ต้นเมษายน ปีนี้ป่วยไม่หนักนัก
ปี ๒๕๕๑   เรียนรู้อินเตอร์เน็ต  บางคืนโต้รุ่ง  เริ่มกลางเมษายน   ป่วยปลายเมษายน
ปี ๒๕๕๐   ร่วมเรียกร้อง บรรจุพระพุทธศาสนาเป็นศาสนาประจำชาติ  เดินจากพุทธมณฑล – รัฐสภา   ป่วยหนักมาก ปลายเมษายน  
๑.	ร่างกายอ่อนเพลีย
๒.	พักผ่อนไม่เพียงพอ
๓.	อากาศร้อน
๔.	อากาศเย็น / ฝนตก
๕.	ลืมห่มผ้า
=  ป่วย
ครั้งใดที่ป่วยหนัก  เพราะละเลยการแก้ไขอาการป่วยแต่ต้น ๆ
สรุปการเรียนรู้สุขภาพ      ๑๔  เมษายน   ๒๕๕๒  
6 กรกฎาคม 2562
๖ กรกฎาคม ๒๕๖๒  
บันทึกร่างกายอ่อนแอ  ภูมิต้านทานต่ำ อากาศจึงเป็นพิษ
ตื่นเช้ามารู้สึกมึนๆ    เมื่อวัดความดัน ความดันสูง ๑๔๒/๙๐  มันพะอืดพะอมเหมือนเมา  คงจะเกิดจากการทำงานหนัก เมื่อวานนั่งนาน อยู่ในห้องที่ลืมเปิดเครื่องฟอกอากาศ ขณะที่อากาศภายนอกชื้น  ใช้สมองมาก ดื่มน้ำน้อยมัน   ภาวะตึงเครียด   อากาศภายในห้องมันน่าจะอับชื้น  อากาศไม่บริสุทธิ์พอดีลืมเปิดเครื่องกรองอากาศ ๒-๓  วัน  เมื่อคืนรู้สึกหนาว อุณหภูมิในร่างกายคงสูง ตื่นมาก็ไม่หลับ 
อากาศออกซิเจน คือส่วนสำคัญที่มีผลให้กลายเป็นพลังงานของร่างกาย ออกซิเจนน่าจะมีธรรมชาติลื่นไหล ทำให้เกิดผลดีต่อการไหลเวียนของเลือด ออกซิเจนช่วยในการลำเลียงเลือดคล่องตัวดี พูดว่าเลือดไหลเวียนสะดวก เมื่อเราขาดออกซิเจน หรือมีคาร์บอนไดออกไซด์ที่มีลักษณะอับชื้น อากาศหนืด มีน้ำหนักมากกว่าออกซิเจน เมื่อเข้าสู่ระบบหลอดเลือด ก็ทำให้ระบบไหลเวียนของเลือดมันหนืดเป็นที่มาของความดันสูง ฉะนั้นออกซิเจนที่มากับน้ำดื่ม หรือที่มากับลมหายใจลึก ๆ จึงเป็นธรรมชาติบำบัดป้องกันความดันสูงป้องกันการป่วยการเป็นไข้ ตัวร้อน หรืออาการคั่นเนื้อคั่นตัว มึนงง มึนหัว ฯ
เมื่อเช้าตื่นมามึนๆ งงๆ ก็ตอน  ๖ โมงครึ่งต้องนวดเพื่อให้ออกซิเจนเข้าสู่ร่างกายพะอืดพะอมเมื่อวานไม่ได้ถ่าย หลังถ่ายเข้าไปในห้องแล้วมึน อาเจียน   วันนี้ต้องอยู่นอกห้อง
ร่างกายอ่อนแอมาหลายวันมันมีปรากฏการณ์ก็คือมีแผลที่นิ้วเท้ามีแผลมีหนองบวมมีอาการที่เอวด้านหลังเหมือนเริ่มเหมือนโรคผิวหนังน่าจะเป็นอาการของแบคทีเรียขยายตัวแล้วก็มีการต่อสู้กับเลือดขาว
เช้าวันนี้จึงมีความคิดว่าออกซิเจนสำคัญรักษาการเจ็บไข้ได้ป่วยด้วยออกซิเจนน่าจะดีอนาคตวัดต้องมีห้องพยาบาลมีเตียงพยาบาลกลับได้มีถังออกซิเจน
ตอนให้โยมสองคนเริ่มนวดเขาจะรู้สึกร้อนเนื้อมันร้อนแต่นวดไประยะหนึ่งก็เริ่มคลายลงเริ่มเย็นลงก็เป็นที่ว่าอากาศหมุนเวียนดีเริ่มผายลมเริ่มมีลมออกจากปาก
อาการแบบนี้จะมีลักษณะเหมือนกันทุกครั้งก็คือไม่ได้ขับถ่ายมันมีอากาศหมักมุมเหมือนเป็นอาหารเป็นพิษอากาศในลำไส้เป็นพิษร่างกายขาดออกซิเจนมันมีคาร์บอนคาร์บอนไดออกไซด์เยอะหรือลำไส้ดูดซับอากาศไม่ดี
เลือดหนืดอากาศเป็นพิษสมองขาดเลือดหรือสมองขาดออกซิเจนมีอาการช็อค shop ทางสมองเกิดเป็นลมเรียกว่าเป็นลมป่วยฉับพลัน
อาการแบบนี้เกิดอนุมูลอิสระขึ้นฉับพลันเป็นอนุมูลอิสระจำนวนมาก  ร่างกายอ่อนแอมีองค์ประกอบเยอะมากที่ทำให้ป่วยเข้ารอบนี้   ยามเย็นฟื้นตัวได้ปกติ
ปี 2565
- วันที่ 3 พฤษภาคม 2565   ของหวาน + ฉันไส้กรอก จำนวนหนึ่ง ที่ซื้อระหว่างทาง  เหมือนมีรสชาดค้างคืน  ไม่สด + ข้าวต้มมัด 2 อัน + นมกล่อง + น้ำตาลอ้อย    บรรยากาศฝนตกพรำทั้งวัน  อากาศเย็น   มีอาการผายลมบ่อย  อยากถ่ายแต่ไม่ออก   ดื่มน้ำน้อยเพราะอากาศเย็น  เติมของหวาน  ช่วงเย็นเหมือนจะจาม  นั่งสมาธิเกิดตะคริวขานิดหนึ่ง ปัสสวะก่อนเข้าห้อง แล้วไม่ได้ดื่มน้ำ
 - เช้าวันที่ 4 พฤษภาคม 2565   ตื่นตี 4  รู้สึกปวดหัว    อยากถ่ายแต่ไม่ถ่าย   สรุปมาจากอาหารเป็นพิษ  ร่างกายต้องการสภาพด่าง หรือเบส 
 - ตี3.40 น. วันที่ 15 พฤษภาคม 2565 รู้สึกปวดหัว ได้กำหนดรู้ตั้งแต่บ่ายเมื่อวาน ความน่าจะเป็นคือ แพ้ไอกรีม ในไอศกรีม มีสารอะไรแน่ คงมีอะไรในไอศกรีมที่ส่วนให้เกิดอาหารเป็นพิษ คล้ายว่าไอศกรีมคืออาหารบูด อาหารเสีย หรือเพราะว่า อาหารที่มีน้ำตาลหลายรอบ (ก๋วยเตี๋ยวเติมน้ำตาล + ไอศกรีม+น้ำหวาน 1 แก้ว)
 - 27 พฤษภาคม 2565 มีอาการง่วง ขี้เกียจ ไม่เพลิดเพลินแม้กับความคิดใหม่ๆ
 
- 28 พฤษภาคม 2565     สัมมาวิริยะกับการฉันภัตตาหารเพื่อดูแลโรคเบาหวาน
 
อาหาร 1 มื้อคือการฉันอาหาร 1 มื้อ
การฉันอาหารระหว่างมื้อแม้เพียงลูกอม 1 เม็ดก็มีผลให้อินซูลินหลั่งได้ 1 ครั้ง
การฉันอาหารวันละ 2 มื้อแท้จริงเป็นเช่นนั้นหรือไม่
การหลั่งอินซูลินบ่อยๆก่อให้เกิดอาการแทรกซ้อนของน้ำตาล  พฤติกรรมก่อโรคมากมาย
การฉันน้ำเปล่าหรือผักไม่ก่อให้เกิดการหลั่งของอินซูลิน
เพียรขยันฝ่าสิ่งเร้ารบกวนใจ
อายตนะในไม่เชื่อมดูดสิ่งภายนอก
ลดน้ำตาลแป้งขาวสิ่งเร้าพอก
ลดการกรอกอาหารลงเกินเลย
28 พฤษภาคม 2565
- 13-28 มิถุนายน 2565 สภาพร่างกายเป็นกรด เกิดแผลผุพองที่เท้าซ้าย 2 แผล (อาจเกิดต่อเนื่องจากแผลที่เท้าด้านขวาที่เกิดจากไฟลวก) ก่อนที่เกิดแผลขาซ้ายมีงานศพ 2 ศพ คิดต่อกัน คือ ยายเหลี่ยม สินประโคน แล้วยายทูล สายสู่ มีการพักผ่อนไม่เพียงพอจากงานศพ ฉันเนื้อมากไป ฉันของหวานบ่อย ช่วงที่ต้องทำงานแก้ปัญหาในตำบลอย่างรีบเร่ง ใช้สมองมากต่อเนื่อง ร่างกายอ่อนเพลีย ร้อนที่แผลหน้าแข็ง วันที่14 มิ.ย.อดเพล (ช่วงนี้มีการอดเพล 2 ครั้ง การอดเพลมีผลต่อร่างกายอ่อนเพลียทุกครั้ง) วันที่15 เจินจูงศพที่บ้านแพงพวย 1.5 ก.ม. ฉันพริกร้อนท้อง วันที่16 ฉันทุเรียน อาการทั้งหมดเหมือนติดเชื้อในกระแสเลือดอ่อน ๆ อาการดูปกติเมื่อวันที่ 30 มิถุนายน 2565
 
- ร่างกายฉันมีประสาทสัมผัสที่เร็วขึ้นอย่างชัดเจน ผลจากการฝึกตนมาอย่างต่อเนื่อง
 
ความรู้สึกที่รวดเร็ว เมื่อร่างกายขาด หรือมีจำนวนน้อยนั้นมี 3 อย่าง คือ
๑.เมื่อร่างกายขาดน้ำ หรือน้ำในร่างกายมีปริมาณลดลง
๒.เมื่อร่างกายขาดอาหาร (ข้อนี้รับรู้ไม่เร็วนัก เพราะนำเข้าร่างกายตามเวลาและเป็นประจำสม่ำเสมอ)
๓.เมื่อร่างกายเกิดการอ่อนเพลียเพราะเหตุต่าง ๆ ซึ่งขณะนั้นประมาณการได้ว่าความชุ่มซื้นของเซลล์ลดลง ร่างกายต้องการเติมอากาศออกซิเจนให้มากพอ  วิธีการที่ดีที่สุด คือ การนั่งนิ่ง ๆ หลับตา แล้วหายใจลึก ๆ สูดอากาศเต็มปอด ใช้เวลาระยะนานเป็นชั่วโมง   ความอิ่ม ๒ อย่างเกิดขึ้นพร้อมกัน คือ กายมีแรง ใจอิ่มเอม เป็นอันว่าได้แก้ไขปัญหาที่ร่างกายฟ้องขึ้นนั้น
21 สิงหาคม 2565
เหตุที่ร่างกายไม่อ้วน
- การดื่มน้ำมาก ปัสสวะมาก ล้างน้ำมันออกได้
 - การหายใจลึก
 - การนั่งสมาธิ
 
16 กันยายน 2565
ตี 4 เช้ามืดวันที่ 8 พ.ย.2565  เริ่มมีอาการเท้าเกร็งจุกที่กล้ามเท้าซ้าย 
กลางวันดื่มของหวานมากไปหลายแก้ว (5 แก้ว)
ตอนบ่ายจัดการขยะ เผาขยะ สูดควัน ไม่ได้ดื่มน้ำจนถึงตอนเย็น 17.30 น. -19.00 น.นั่งสมาธิชั่วโมงกว่าก็ไม่ได้ดื่มน้ำ  ลืมดื่มน้ำตั้งแต่เที่ยง
กล้ามเนื้อเกร็ง/เครียด  น้ำตาลในร่างกายมาก  ขาดน้ำ  เลือดหนืด ความดัน  สมองรับเลือดได้น้อย
9 พ.ย.2565
เจือมเนื้อตัวเก็บกายในที่ตั้ง
คิดระวังรายจ่ายนานาหนัก
เกรงใจชนญาติโยมนักยิ่งนัก
วิกฤตชักนำเนื่องเกี่ยวข้องกัน
ประชาชีลำบากพรากอาหาร
ทุกเรือนบ้านขาดแคลนทุกข์หวาดหวั่น
โลกผันแปรผลิตพืชสัตว์ยากทุกวัน
บรรลัยคั้นบีบเค้นต้องเจียมกาย
28 พฤศจิกายน 2565
ปี2566
- วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2566 น้ำตาล 316 ความดัน 164/66 น้ำหนัก 64
 
- ในหน้าร้อน ที่ขาดการเติมเต็มสมาธิที่แน่นหนัก
 
จึงเกิดอาการเบาเนื้อเบาตัวและเบาใจ กระสับกระส่าย
ร่างกายและจิตใจ ทำการฟ้องเพื่อการเรียกร้องหาสมาธิที่มีคลื่นยาว ๆ หนักแน่นมากขึ้น
29 มีนาคม 2566 
- วันที่ 13 เมษายน 2566 เจาะเลือด น้ำตาล 297
 
ปี2567
เมื่อร่างกายอ่อนแอ ภูมิคุ้มกันก็ลดลง สามารถที่จะแพ้อากาศที่ไม่ปกติ เช่น แสดงอาการแพ้อากาศห้องแอร์ อาการแพ้แสดงออกมาคือการจาม น้ำมูกไหล อาการนี้แสดงว่าเจ้าของร่างต้องบำบัดรักษาให้เร็วไม่อย่างนั้นแล้วจะเกิดอาการทรุดถึงไข้ขึ้นและเรียกว่าก็ป่วย
วิธีการบรรเทาหรือรักษา 1.ต้องผ่อนคลายกล้ามเนื้อร่างกาย ลดอาการเกร็งของร่างกาย 2.การผ่อนคลายนั้นมีความสัมพันธ์กับออกซิเจน อากาศบริสุทธิ์ 3.ประสบการณ์บอกว่าให้อาบน้ำให้เปลี่ยนผ้า ซักผ้า ให้นอนผ่อนคลายในอากาศที่ถ่ายเท 4.การขับถ่ายการถ่ายท้อง การผายลม เป็นวิธีการหนึ่งที่จะช่วยลบของเสียในร่างกาย หรือลดการดูดซับสิ่งปกติหรือหมักหมม 5.การดูแลรักษาต้องนำไปสู่การนอนหลับให้ได้ดีขึ้นเป็นตัววัดว่า กระบวนการรักษานั้นถูกต้อง
สิ่งที่มีอยู่แล้ว ฟ้าทะลายโจร
วัสดุที่ต้องการ 1.ยาระบายท้อง 2.น้ำมันนวดคลายเส้น
21 มีนาคม 2567