ผลต่างระหว่างรุ่นของ "ความทรงจำ ของ พระมหาวีระ กิตฺติวณฺโณ"

จาก wiki.surinsanghasociety
ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
แถว 39: แถว 39:
 
๑๗ พ.ค.๒๕๓๓  อุปสมบท ณ วัดเพชรบุรี พระวีระ กิตฺติวณฺโณ (ได้ทุกทาง)<br>
 
๑๗ พ.ค.๒๕๓๓  อุปสมบท ณ วัดเพชรบุรี พระวีระ กิตฺติวณฺโณ (ได้ทุกทาง)<br>
  
*ปั้นคันนา [https://www.facebook.com/pramahaweera/posts/6033906233294040]
+
*[[ปั้นคันนา]] [https://www.facebook.com/pramahaweera/posts/6033906233294040]
 
*[[ก่อกองหิน]] [https://www.facebook.com/pramahaweera/posts/7090099864341333]
 
*[[ก่อกองหิน]] [https://www.facebook.com/pramahaweera/posts/7090099864341333]

รุ่นแก้ไขเมื่อ 00:01, 21 เมษายน 2565

เรื่องที่จำจดในวันเด็กเล็ก เช่น

  • (๑)จดจำก้นของน้องชายที่คลอดใหม่ ๆ มีสีดำคล้ำ เอาฝ่าเท้าน้องมาแตะหัวของตน จำได้ดีเพราะความรักน้อง
  • (๒)จำได้ว่าหน้าหนาวต้องนอนกระสอบข้าว เพราะความหนาว
  • (๓)จำได้ว่าร้องไห้เกือบทั้งวันเพราะคิดถึงพ่อและแม่ ขณะอยู่กับพี่สาวเพียง ๒ คน คิดว่าท่านหายไปไหน ร้องจนหยุดร้องเอง ไม่มีเสียงจะออกเสียงจากลำคอ มีเพียงสะอึกสะอื้น อารมณ์แห่งการร้องไห้โหยหาพ่อแม่ ได้ก่อให้เกิดความรักอย่างลึกซึ้ง การร้องไห้ครั้งนี้ได้ก่อนิสัยให้เป็นคนร้องไห้โดยไม่ออกเสียง จะร้องไห้ต่อเมื่อเกิดความซาบซึ้งเท่านั้นลักษณะการร้องไห้จะสะอึก น้ำมูกไหล ตาแดง ถ้าโกรธหรือไม่พอใจอะไร ใคร จะไม่ร้องไห้ แต่จะเงียบเฉย ๆ
  • (๔)จดจำได้ว่าคุณครูผู้ชาย ขี่จักรยานไปลงชื่อ เด็กชายเอียบ ชาวเมืองดี ให้เรียน ป.๑ (คุณครูสุริโย บุติมาลย์ หรือ คุณครูประโยชน์ เจริญศิริ ท่านใดท่านหนึ่ง ซึ่งทั้ง ๒ คุ้นเคยกับคุณพ่อแบบสนิทสนมมาก คุณครูท่านยังทักทายข้าพเจ้าในวันนั้น) เพราะตนจะเข้าเรียนด้วย
  • (๕)คุณพ่อพาไปตัดชุดนักเรียนสีกากี กับช่างเจียน ชะอุ่มพงษ์ บ้านทุ่งมนตะวันออก ทั้ง ๒ ครั้ง รอบ ๖ ปี
  • (๖)วันที่เข้าเรียน ป.๑ วันแรก ห้องเรียนชั้นล่างห้องทิศใต้สุดของอาคารไม้หลังแรกเมื่อเดินเข้าโรงเรียน คุณครูประโยชน์ เจริญศิริ (ร่างอ้วนไม่สูง ภรรยาชื่อคุณครูผ่องศรี เจริญศิริ อ้วนและไม่สูงเหมือนกัน) ขานชื่อนักเรียนหน้าชั้นเรียน เมื่อขานชื่อข้าพเจ้า ครั้งที่ ๑ ข้าพเจ้าไม่ได้ขานรับ เมื่อเรียกชื่อครั้งที่ ๒ ก็ไม่ขานรับ(เหมือนจะรู้ว่าคุณครูรู้จักแล้วทำไมต้องเรียกให้ตอบรับด้วย) คุณครูเรียกครั้งที่ ๓ หรือ ๔ ก็ร้องไห้เลย หลังวันนั้นไม่เห็นคุณครูประโยชน์ เจริญศิริ มาสอนในห้องนั้น
  • (๗) ขณะกำลังเรียน ป.๒ ห้องเรียนชั้นบน ด้านใต้สุด คุณครูนาฏ ทวีฉลาด เป็นครูประจำชั้น รู้สึกจดจำว่ามีการสอบได้ที่ ๒ หรือ ๓ ในห้องเรียน ใจมันรู้สึกได้
  • (๘)ในวันที่ไม่มีเงินซื้อผัดหมี่ทานเที่ยงวัน ไม่ได้ห่อข้าว ไม่ได้กลับทานที่บ้าน กำลังหิว หน้าอาคารเรียนไม้หลังแรก เด็กชายสด เสาะสนธิ์ เพื่อนร่วมห้องให้เงิน ๕๐ สตางค์ซื้อผัดหมี่ทาน น่าจะกำลังเรียน ป.๑ หรือ ๒ เพราะหน้าอาคารเรียนที่กำลังเรียน
  • (๙)ทุกครั้งที่มีคุณครูลาออก บอกลานักเรียนหน้าเสาธง ก็จะร้องไห้กับคุณครูทุก ๆ ท่าน
  • (๑๐)เวลานั่งตัดผม จะนั่งตัวตรง นิ่ง จนตัดเสร็จ อาหวน ชาวเมืองดี แม่ของเด็กชายเอียบ ชาวเมืองดี เป็นคนตัดให้เสมอ ๆ
  • (๑๑) จดจำแม่เอาด้ายผูกแขนให้คราวไปตกเบ็ดได้ปลากลับบ้าน
  • (๑๒)จดจำการร้องไห้น้ำตาไหลสงสารงูใหญ่ที่ถูกฆ่าตัดเป็นท่อน ๆ แล้วงูคู่ชีวิตมาเคี้ยวเปลือกไม้พ่นมีชีวิตขึ้นใหม่ ร้องไห้ขี้มูกโป่ง เล่าเรื่องโดยคุณครูสุริโย บุติมาลย์ ณ สวนป่าโรงเรียนด้านเหนือใต้ต้นใหญ่
  • (๑๓)เลี้ยงลูกหมาพันธุ์ที่ตัวเล็ก ๆ ขนปุย ดูแลอย่างดี แต่แล้วก็ตาย เอาไปฝังด้วยน้ำตา (๑๔)รู้สึกสงสารวัวควายจับใจ ยามไล่ไปเลี้ยง ปล่อยตามที่ว่าง ช่วงหญ้าน้อย ที่เลี้ยงแคบ หรือเมื่อผูกกับที่ มันอึดอัดเห็นความอดอยากของอาหารวัว ควาย
  • (๑๕)ทุกครั้งที่พ่อแม่ขายวัว พ่อหรือแม่ท่านจะเอาน้ำมารดที่หัวของวัว กล่าวคำอวยพร แสดงการอำลาด้วยความจำใจ
  • (๑๖) คุณแม่จะอวยพรลูก ๆ หลาน ๆ ทุกครั้งก่อนเดินทางไกล หรือเพียงไปค้างคืน ณ บ้านญาติ ๆ แม้ยามกลับท่านก็โปรยข้าวสารส่งวิญญาณต่าง ๆ ที่มาส่ง รับขวัญด้วยวิธีการต่าง ๆ นานา คุณพ่อจะพรมน้ำมนต์ให้ลูก ๆ แม้ไปอยู่บ้านพักเพื่อเรียนในตัวอำเภอหรือจังหวัด ยามลูกตกใจแล้วพ้นภัยใด ๆ ท่านจะเด็ดยอดไม้ ใบไม้เหน็บหูเรียกขวัญเข้าสู่ตัวให้
  • (๑๗)คุณพ่อรันจะนอนกอกใต้อ้อมแขนและอ้อมขา รับรู้ถึงความอบอุ่น เวลามีใครมาโอบกอด หรือลูบหัวลูบหลังก็รู้สึกอบอุ่นเช่นกัน แม้หยอกเย้าถูกต้องกายก็ไม่รำราญแต่อย่างใด ยังมีเรื่องที่จดจำอีกมากมายฝังอยู่ที่จิตใต้สำนึก

๘ มีนาคม ๒๕๒๖ โรงเรียนบ้านทุ่งมน(ริมราษฎร์นุสรณ์) อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ มอบใบสุทธิ เล่มที่ ๓๓๖๖ เลขที่ จ ๓๖๖๕๔๐ เพื่อแสดงว่า เด็กชายวีระ ได้ทุกทาง เลขประจำตัว ๓๑๖๖ เข้าเรียนในสถานศึกษานี้ เมื่อวันที่ ๒ เดือน พฤษภาคม พ.ศ. ๒๕๒๐ ในชั้นประถมปีที่ ๑ ออกจากสถานศึกษานี้ เมื่อ วันที่ ๒๖ เดือน มีนาคม พ.ศ.๒๕๒๖ เหตุที่ออก พ้นเกณฑ์การศึกษาภาคบังคับ ก่อนออกจากสถานศึกษานี้ สอบไล่ได้ชั้นประถมปีที่หก เมื่อวันที่ ๘ เดือน มีนาคม พ.ศ.๒๕๒๖ ได้คะแนน ร้อยละ เจ็ดสิบเจ็ด การศึกษา ดี ความประพฤติเรียบร้อย สุขภาพ แข็งแรง ลงชื่อ นายประกอบ แซ่ตัง ครูใหญ่โรงเรียนบ้านทุ่งมน
เดิมชื่อ วิระ คุณพ่อรัน ได้ทุกทาง ตั้งให้ตั้งแต่วันแจ้งใบเกิด ท่านคุยบอกบ่อย ๆ ว่ามาจากสำเนียงว่า “วิก”ท่านหมายถึง “โรงใหญ่” คือ โรงหนัง (แม้ท่านไม่รู้ชัดว่าสังคมต่างภาษาจะแปลว่าอย่างไร ท่านคงรู้ได้ เฉพาะตนว่ามีความหมายเป็นสถานที่ที่ใหญ่โต คุณพ่อคุยกับคุณแม่บ่อย ๆ ว่า ลูกคนนี้จะคิด ทำใหญ่โตไปข้างหน้า ไม่ต้องเป็นห่วงเลย มั่นใจได้ สบายใจได้ คุณพ่อรันเป็นผู้ตั้งชื่อลูกหญิงชายด้วยตนเองทั้ง ๙ คน ๙ ชื่อ อย่างมีความหมายสอดคล้องกับนิสัยประจำวันเดือนปีเกิด ท่านเป็นคนที่มีตำราไว้ดูวันดี วันจม วันฟู วันหายนะ วันทำกิจการใดๆ ตำราเป็นภาษาเขมร จากประสบการณ์ท่านจึงดูบุคลิกคนออก คุณพ่อเคยเป็นทหารเกณฑ์มา ๒ ปี มีระเบียบวินัย ชอบความสะอาดสะอ้าน แต่งตัวเรียบร้อยถูกกาลเทศะ แต่ไม่ฟุ่มเฟือย ) ณ วันที่ยื่นมือรับเอาใบสุทธิ รับง่าย ๆ โดยไม่มีพิธีการแต่อย่างใด หน้าห้องพักครู ตรงบันไดขึ้นฝั่งตะวันตก อาคารไม้ยกพื้นสูงชั้นเดียวอยู่ด้านทิศเหนือยาวตามแนวตะวัน คุณครูวางโต๊ะไว้เพียงตัวเดียว ข้าพเจ้าได้ทักท้วงคุณครูพยอม เสาธงทอง ว่าชื่อ วิระ ในขณะท้วงก็ไม่ได้จริงจังนักว่าจะให้เปลี่ยนเป็น วิระ ให้ได้ เพียงแสดงความชัดเจนในใจตนเท่านั้น แล้วก็ปล่อยวางไป เขียนแล้วก็เขียนเลยเอาอย่างนี้ก็ได้ หลังออกจากโรงเรียนคงมีคุณครูพยอม ท่านเดียวที่จดจำชื่อวีระ ตามใบสุทธิอย่างแม่นยำ ปรากฏชัดเมื่อคุณครูเขียนจดหมายไปถึงลูกศิษย์คนนี้ที่ท่าฉลอม จ.สมุทรสาคร ได้เข้าใจความหมายของชื่อ “วีระ” อย่างถูกต้องตามภาษาบาลี ที่แปลว่า “ผู้กล้าหาญ” เมื่อได้เรียนบาลีไวยากรณ์ ณ วัดสุวรรณวิจิตร พ.ศ.๒๕๓๖-๓๘
ในปีที่กำลังอยู่ชั้น ป.๖ ปลาย ๆ ปี ทางคุณครูสุริโย บุติมาลย์ ได้สัมภาษณ์ โดยมีการสัมภาษณ์ นักเรียนหญิงจากโรงเรียนสุวรรณาคารสงเคราะห์ด้วยคนหนึ่ง ณ อาคารเรียนไม้ ยกพื้นสูง ชั้นเดียว หลังยาวทิศเหนือ สำหรับ ป.๕-๖ ห้องตะวันออกสุด จำได้ว่าครั้งหนึ่งคุณครูสังวาลย์ สง่ามั่งคั่ง เคยชักชวนให้เรียนต่อ ม.๑ (สำหรับการเรียนต่อนั้นข้าพเจ้าไม่ได้รู้สึกอยากเรียนต่อแต่อย่างใด เพราะการเรียนรู้ไม่ต้องรู้สึกโหยหาจะเรียน ข้าพเจ้ามีความรู้สึกว่าได้เรียนรู้อยู่ตลอดเวลาแล้ว ยินดีทุกขณะรับรู้ จึงไม่ต้องเร่งหาความรู้ที่เกินนั้น) หลังจากนั้นทราบว่า คุณครูได้ขอกับคุณพ่อรันว่าจะส่งเสียให้เรียนต่อ คุณพ่อไม่ประสงค์ให้เรียนต่อเพราะมีพี่สาวและพี่ชายเรียนแล้ว ๒ คน คราวบวชแล้วคุณครูสุริโย บุติมาลย์ได้บอกว่า ข้าพเจ้ามีคะแนนการสอบการเรียนมาที่ ๑ ของกลุ่มโรงเรียน ๘ โรง ส่วนเด็กหญิงจารุณี ดังถวิล(จำชื่อไม่แม่น อาจผิด) บ้านตาปาง ได้คะแนนมาลำดับ ๒
ป.๑ – ป.๒ สอบได้ลำดับที่ ๑-๕ ป.๓ –ป.๖ สอบได้ลำดับที่ ๑ ของห้อง ก. และของชั้นทุกครั้ง ทั้งที่เรียนโดยไม่คาดหวังกับคะแนน หรือการสอบได้ลำดับที่ ๑ แต่อย่างใด เกือบไม่เคยอยากรู้อยากได้ รู้แต่ว่าการเรียนไม่มีอะไรมากดดันจิตใจเลย
เมื่อเรียนอยู่ ป.๑ เมื่อเขียนผิดก็จะพยายามแก้ไขเขียนให้ถูกต้องให้ได้ ณ ห้องเรียนป.๑ ห้องเหนือสุดชั้นล่าง อาคารไม้หลังแรก เมื่อเดินเข้าโรงเรียน
เป็นนักเรียนตัวเล็ก ต่ำ กว่าทุกคนในห้องเรียน นักกีฬารุ่นหลอด เมื่อแถวหน้าเสาธง ก็ยืนก่อนคนอื่น นั่งเรียนในห้องก็นั่งแถวหน้า
รักครูที่สอน รักวิชาที่เรียน เทียบเคียงพิจารณาเห็นเหตุผลอย่างชัดเจน จึงจดจำไม่รู้ลืม
ช่วงใดที่ไม่ได้ห่อข้าวไปเรียน หรือ ซื้อผัดหมี่ ส้มตำ แม่เยียด แผลงดี หน้าโรงเรียนทานกลางวัน
ช่วง ป.๓-ป.๖ ๑ ชั่วโมงพักเที่ยง จะพากันวิ่งกลับมาทานข้าวที่บ้าน ระยะทางไปกลับ ๓ กิโลเมตร
วันขาดเรียนหรือหนีเรียน ที่จดจำได้ คือวันที่พี่สาวคนโตแต่งงาน น่าจะ ป.๕ หรือ ป.๖ แต่งตัวไปโรงเรียนแล้ว แต่ก็หนีกลับมาแอบดูลาดเลาก่อนจะเข้างาน ถ้าจะป่วยก็ป่วยวันเสาร์-อาทิตย์ ช่วงปิดเทอมเท่านั้น อาการป่วยที่เป็นบ่อย เวียนหัว ตัวร้อน เป็นไข้หวัด
เสาร์-อาทิตย์ วันหยุด ปิดเทอม ก็ช่วยเลี้ยงวัวควาย ไปนา ช่วยงานเกษตร
ตลอดระยะ ๖ ปีที่เล่าเรียนชั้นประถม ชอบอ่านหนังสือการ์ตูน ชอบถามครูเวลาชั่วโมงเรียนแบบต้องหายสงสัย มักอ่านหนังสือของนักเรียนประถมหลักสูตรใหม่ ๒๕๒๑ เรื่อง มานีมานะ ชูใจ ปีติ และหนังสืออื่น ๆ ของรุ่นน้อง เรียน ๖ ปี ใช้ชุดนักเรียนสีกากี เพียง ๒ ชุดเท่านั้น กางเกงปะบ่อย ๆ ซักเสื้อกางเกงด้วยตนเอง ไม่เคยอายเรื่องชุดนักเรียน ไม่เคยอายเรื่องห่อข้าวไปโรงเรียน ไม่กลัวหนอนใต้ต้นกาลพฤกษ์ ไม่ตกใจง่าย แกล้ากล้าร่าเริงเสมอ แต่ไม่ใช่คนชอบคุยเล่น เมื่อเรียนจะถามเก่ง ไม่โกรธเพื่อนที่ล้อ หรือหยอกกอดรัดฟัดเหวี่ยงอย่างรุนแรง เพื่อนล้อเรียก กระเทย ก็รู้สึกเฉย ๆ เมื่อเราเฉยก็ไม่ล้อ ความรู้สึกของตนไม่ใช่กระเทย เป็นคนเฉยๆ เช่นคนอื่น ๆ ที่เรียบร้อยปกติ ไม่รู้สึกว่าเป็นชายหรือหญิงเป็นหลักสำคัญ อยู่บ้านเดินแก้ผ้าโทง ๆ จบ ป.๖ แล้วยังมีการแก้ผ้าเดินเลย เป็นคนกินง่าย ๆ หลับก็ไว ค่ำมาก็นอนหลับแล้ว นั่งเกวียนก็หลับ (จิตใต้สำนึกผุดฝันว่าแก้ผ้าตัวล่อนจ้อนบ่อย ๆ แม้บวชมาหลายปีแล้ว เริ่มเลือนหายไปเมื่อเป็นพระเถระแล้ว)
พ.ศ. ๒๕๒๖ – พ.ศ.๒๕๓๐ ช่วยพ่อแม่ทำนา เลี้ยงวัว เลี้ยงควาย (การทำนาก็ได้ช่วยขยายแปลงนาใหม่ ฟันต้นไม้ ขุดตอไม้ ปั้นคันดิน ไถนา คราดนา ขับเกวียน นวดข้าว ฯลฯ) ทำงานด้วยความมุ่งมั่น เต็มความสามารถ ออกจากโรงเรียนแล้ว จะอ่านหนังสือของพี่สาวที่เรียนวิทยาลัยครูสุรินทร์ อ่านหนังสือพี่ชายที่เรียนเทคนิคสุรินทร์ อ่านหนังสือพิมพ์ที่ซื้อมาห่อของขาย ที่บ้านขายของชำ เวลาไปเลี้ยงวัวและควายก็ได้ฟังนิยาย ฟังข่าวจากวิทยุตลอด แบกหรือสะพายวิทยุฟังนิยายรักคณะเกตทิพย์ติดนิยายงอม อ่านหนังสือศาลาคนเศร้า หนังสือดารา หนังสือการ์ตูน ๑๑ พฤศจิกายน ๒๕๓๐ ไปถ่ายบัตรประชาชน ณ ที่ว่าการอำเภอปราสาท ในวันถ่ายบัตรครั้งแรกนี้ได้ตรวจสอบความถูกต้องของชื่อและนามสกุลอย่างดี คือได้ทักท้วงเจ้าหน้าที่ให้แก้ไขถูกต้องตรงกับใบสุทธิ ป.๖ และรับใบสำคัญ แบบ สด.๙ ที่ ๘๗๓ เข้าบัญชีทหารกองเกิน วันที่ ๑ มกราคม ๒๕๓๑ ให้ไปขอรับหมายเรียกเข้ารับราชการทหารใน พ.ศ. ๒๕๓๓
๑๔ ธันวาคม ๒๕๓๐ วันออกบัตร แก่ นายวีระ ได้ทุกทาง ๑ สร๓-๐๓๗๗๘๙ อายุ ๑๗ ปี โดย สำนักทะเบียน บัตรประจำตัวประชาชน กระทรวงมหาดไทย (บัตรแบบที่ยังไม่ระบุ เลขประจำตัวประชาชน ๑๓ หลัก)
พ.ศ.๒๕๓๑ ทำงานช่างปะยาง ร้านกรุงศรีในการยาง เทศบาลสุรินทร์ ต่อมาปลาย ๆ ปี นายจ้างเปลี่ยนกิจการและย้ายเป็นร้านใหม่ ร้านไอคิวค้าวัสดุ ช่วงท้ายมีเพื่อนชั้นเรียนมาทำงานด้วย คือ นายประเสริฐ โยประโคน ออกจากงานตรุษจีน ปี ๒๕๓๒ เพื่อนออกด้วย ตลอดระยะอยู่ทำงานจะได้อ่านหนังสือพิมพ์รายวันทุกวัน
พ.ศ.๒๕๓๒ หลังตรุษจีน เข้ากรุงเทพฯครั้งแรก ไปอยู่ที่พระประแดงอาเขต ขายไอศรีม ระยะหนึ่ง ไม่เกิน ๑ เดือน แล้วไปอยู่ที่ท่าฉลอม จังหวัดสมุทรสาคร สุขาภิบาลแห่งแรกของประเทศไทย ทำงานที่โรงงานทำกะปิปลา วันสงกรานต์ได้ร่วมจัดผ้าป่าสามัคคีมาทอดวัดอุทุมพร ๒ ปีติดต่อกัน วันสงกรานต์ ปี ๒๕๓๓ ได้ขอรับบริจาคพิเศษแยกจากผ้าป่าวัดอุทุมพร เพื่อช่วยก่อสร้างแท้งน้ำโรงเรียนบ้านทุ่งมน(ริมราษฎร์นุสรณ์) ขอบริจาคได้จำนวน ๑ หมื่นกว่าบาท ตลอดระยะอยู่ทำงานจะได้อ่านหนังสือพิมพ์รายวันทุกวัน และวันอาทิตย์จะเข้ากรุงเทพมาที่วัดดอน ได้อ่านหนังสือคติธรรมศาสนาเนือง ๆ ของหลวงพี่มหาประชา (เปรือง) อินัง ท่านกำลังเรียน มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย วัดมหาธาตุ กรุงเทพฯ หลังสงกรานต์ ๒๕๓๓ ก็กลับทำงานที่เดิม มีความคิดอยากจัดผ้าป่าสามัคคีมาวัดสะเดา เมื่อบอกคนบ้านเดียวกันที่ทำงานใกล้ ๆ กัน เขาว่าวัดเราไม่มีพระ วัดจะร้าง คำนี้จึงเป็นเหตุให้เกิดแรงบันดาลใจกลับมาบวชอยู่ ณ วัดสะเดา เพื่อพัฒนาวัดต่อไป
ช่วงอยู่ทำงานท่าฉลอม ก็ซื้อวิทยุเทปเครื่องใหญ่ไว้ฟังเพลงเก่าๆ รู้สึกได้อารมณ์ลึกซึ้ง เริ่มเขียนจดหมายเป็น เขียนออกรสออกชาด การบรรยายข้อความสละสลวยออกอารมณ์แบบกาพย์กลอนทั้งที่ไม่รู้เรื่องการเขียนกลอนเลย เขียนจดหมายหาเพื่อนในหมู่บ้าน ก็มีแต่เพื่อนผู้หญิงแหล่ะ แต่ไม่ใช่จีบกัน
๑ มกราคม ๒๕๓๓ นายอำเภอปราสาท ออกหมายเรียกเข้ารับราชการทหาร (สด.๓๕) ที่ ๒๑/๒๕๓๓ มายัง นายวีระ ได้ทุกทาง อายุ ๒๐ ปี ให้มา ณ ที่ หอประชุมโรงเรียนประสาทวิทยาคาร เวลา ๐๗.๐๐ น. ในวันที่ ๕ เดือน เมษายน พ.ศ.๒๕๓๔ เพื่อตรวจเลือกเข้ารับราชการทหาร
เมษายน ๒๕๓๓ นายวีระ ได้ทุกทาง ขณะอยู่ทำงานที่ท่าฉลอม จ.สมุทรสาคร หาทุนช่วยโรงเรียนบ้านทุ่งมน(ริมราษฎร์นุสรณ์) จำนวน ๑๐,๐๐๐ บาท สร้างถังเก็บน้ำ
๑๗ พ.ค.๒๕๓๓ อุปสมบท ณ วัดเพชรบุรี พระวีระ กิตฺติวณฺโณ (ได้ทุกทาง)