ปัญหาเปรียบเทียบ
จากมติความเห็นที่ประชุมคณะกรรมการบริหารปราสาทเพชรเมื่อประชุม ณ วัดเพชรบุรีเมื่อกลางปี 2564 นั้น ให้พระครูปริยัติกิตติวรรณ เจ้าคณะตำบลทุ่งมนดูแลปราสาทเพชรจนกว่าจะหมดปัญหา หรือปัญหาเบาบาง
จึงขอให้ข้อมูลว่าในขณะที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ที่ปราสาทเพชรนั้นก็มีความเห็นอื่นรบกวนบ่อย ก่อความรู้สึกว่าควรจะมีภาพเหตุการณ์การเปรียบเทียบระหว่างการอยู่ดูแลปราสาทเพชรกับการไม่ได้ดูแลน่าจะดี จะเป็นความแตกต่างกันอย่างไร
เมื่อช่วงตุลาคม 2564 ก็มี covid ระบาดเป็นเหตุให้ต้องอยู่ในกลุ่มผู้เสี่ยงสูง พระครูปริยัติกิตติวรรณ จึงได้โอกาสหยุดพักในการไปดูแลปราสาทเพชร
ระยะรอยต่อที่ต้องพักไม่ได้เข้าดูแลพิพิธภัณฑ์ปราสาทเพชรนั้นก็ยังมีพระภิกษุวัดเพชรบุรีเข้าปฏิบัติหน้าที่ต่อเนื่อง
จากการปรับเปลี่ยนผู้ควบคุมการเงินศรัทธาก็ไม่ทิ้งความรับผิดชอบได้ให้พระลูกวัดไปร่วมปฏิบัติหน้าที่ทุกวัน
รอยต่อ เป็นเหตุให้มีพระภิกษุในวัดเพชรบุรีเป็นผู้ดูแลการรับจ่ายรับบริจาคหรือรับศรัทธาญาติโยมจึงเป็นเหตุให้ทางพระครูปริยัติกิตติวรรณ หลุดจากบทบาทหน้าที่การบันทึกรับจ่ายโดยปริยาย
บัดนี้เป็นระยะเวลาที่เท่ากันระหว่างช่วงที่ดูแลควบคุมกับระยะเวลาที่ไม่ได้ดูแลควบคุมพอประมาณแล้ว จึงมีความเห็นเพื่อพิจารณาว่า
- ๑.การดำเนินงานเมื่อมีปัญหาอุปสรรคควรจะมีคณะกรรมการร่วมประชุมได้ร่วมรับทราบร่วมแก้ไขปัญหาอย่างต่อเนื่อง
- ๒.การประชุมคณะกรรมการบริหารปราสาทเพชรควรมีอย่างต่อเนื่องเพื่อยกบทบาทการบริหารเป็นทีมให้เด่นชัดมากกว่าการปล่อยให้การดำเนินงานเป็นไปตามแบบธรรมชาติธรรมชาติเกินไป
- ๓.การบริหารจัดการยกย่อง เชิดชูสถานที่พิพิธภัณฑ์ปราสาทเพชรควรนำหลักธรรมมาภิบาล ซึ่งมีนิติรัฐกำกับ เข้ามาบริหารจัดการมากขึ้น
- ๔.กลไกในการขับเคลื่อนให้มีความกระฉับกระเฉงชัดเจนมากขึ้นตามลำดับต่อไป
๖ มีนาคม ๒๕๖๕
เสียงเล่าอ้าง
- พระสมชาย ไม่มีความสุข
- พระมหาชาญ ว่าช่วงพระครูอยู่ดูแลมีความโปร่งใส
- พระครูสุพัฒนกิจ ว่า พระครู เป็นพระผู้ปราบมาร
- พระครูปริยัติกิตติวรรณ เล่าว่า พระบนปราสาทเพชรมีสภาพจิตใจที่ยังขาดพรหมวิหาร ๔
- โยมท่านหนึ่งกล่าวว่า เงินที่ถวายผ่านพระบนปราสาท ยังเกิดประโยชน์น้อยต่อชุมชน สถานที่มีกลิ่นบุหรี่มาก ทำงานแบบนี้มีแต่พัง พังในวันข้างหน้าแน่นอน
- ผู้นำท่านหนึ่งบ่นว่า เงินรายรับ(พระรับ หรือตู้บริจาค)บนปราสาทเพชรไม่ส่งผลดีต่อชุมชนเท่าที่ควร ผลประโยชน์ตกไม่ถึงชุมชน