เหตุผลที่ตั้งชื่อ
เหตุผลที่ตั้งชื่อว่า “วัดสะเดารัตนาราม” เพราะเพื่อการรักษาประวัติศาสตร์ท้องถิ่น เป็นชื่อที่ได้รับการยอมรับโดยทั่วไปทั้งทางคณะสงฆ์และราชการและรักษาความสามัคคีในชุมชนตำบลต่อไป พ.ศ. ๒๓๐๓ วัดโคกจ๊ะ (โคกเก่าหรือโคกโบราณ) เรียกชื่อทางการในปัจจุบันว่าวัดศรีลำยองพื้นที่ที่มีร่องรอยปรากฏชัดเจนว่าเป็นพื้นที่สร้างวัดในโบราณ ได้รับการพัฒนาสร้างให้เป็นวัดอีกครั้งขึ้นเป็นศูนย์รวมของชาวบ้านในชุมชนละแวกนี้ โดยชาวบ้านในละแวกท้องถิ่นนี้จะตั้งถิ่นฐานอยู่กระจัดกระจายเป็นหย่อม ๆ ตามพื้นที่เนินโคกต่างๆ พ.ศ.๒๓๖๐ พระภิกษุรูปหนึ่งพื้นเพบ้านเกิดและวัดที่พำนักอาศัยของท่านอยู่ที่เสราะตุมมวน หรือวัดเสราะตุมมวนปรีขลา (ปัจจุบันชื่อบ้านทุ่งมน อยู่ในเขตตำบลไพรขลา อำเภอชุมพลบุรี จังหวัดสุรินทร์) ได้จาริกเดินทางกลับมาจากประเทศกัมพูชา เมื่อเดินทางมาถึงคุ้มบ้านนี้ อันอยู่ทางทิศเหนือของบ้านโคกจ๊ะ ชาวบ้านประชาชนในชุมชนจึงได้พร้อมใจกันนิมนต์ท่านอยู่ที่นี่ เพื่อเป็นที่พึ่งทางใจเป็นผู้นำของชุมชนด้วยแล้วได้ช่วยกันสร้างวัดขึ้น ๑ แห่งในชุมชน เพื่อเป็นศูนย์รวมจิตใจและทำกิจกรรมร่วมกันในชุมชน อีกด้านหนึ่งนั้นท่านได้นำพาญาติพี่น้องย้ายจากบ้านเกิดของท่านบางครอบครัวมาอยู่ข้าง ๆ วัดด้วย จากที่พระภิกษุรูปนี้ท่านย้ายมาจากเสราะตุมมวน (บ้านทุ่งมนไพรขลา) ทั้งชื่อของท่านได้ปรากฏนามว่า “ตุม” และชุมชนหมู่บ้านแห่งนี้มีภูมิประเทศคล้ายกับเสราะตุมมวนปรีขลา เช่นมีลักษณะของแหล่งน้ำ ลักษณะของพันธุ์ไม้ ลักษณะดิน คล้ายกันมาก จึงมีการเรียกขานชื่อหมู่บ้านแห่งนี้ว่าเสราะตุมมวน เสราะลวกโอ๊วตุมโม อันเป็นสำเนียงเดิมที่นำมาสู่หมู่บ้านแห่งนี้ว่า “บ้านทุ่งมน” ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา มีเจ้าอาวาสที่ประจำอยู่ที่วัด ที่ปรากฏชื่อว่าวัดอุทุมพรแห่งนี้เรียงตามลำดับถึงวาระที่สำคัญดังนี้ ๑. หลวงปู่ตุม ๒.หลวงปู่ลา ๓. หลวงปู่นา ๔. หลวงปู่ยา ๕. หลวงปู่คง ๖.หลวงปู่ชื่น ๗.หลวงปู่อ้น ๘.หลวงปู่ผึ้ง ๙.หลวงพ่อริม รัตนมุนี พ.ศ.๒๔๕๘ ทางราชการจัดตั้งเขตปกครองภูมิภาคระดับตำบลขึ้นชื่อปรากฏว่าตำบลทุ่งมนตำบลทุ่งมนก่อนนั้น เป็นศูนย์กลางการปกครองระดับตำบลมีอาณาเขตกว้างขวางติดอาณาเขตกัมพูชาหรือบางหลักฐานระบุว่ากินพื้นที่กัมพูชาในปัจจุบันด้วย พ.ศ.๒๔๘๓ พระภิกษุริม รัตนมุนี (แก้วกมล) ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาสังกัดวัดอุทุมพร ตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. ๒๔๘๔ พระภิกษุริม รัตนบุรี เป็นเจ้าอาวาสวัดอุทุมพร เป็นพระเถระในด้านการพัฒนาเช่น สร้างวัดหลายแห่ง สร้างโรงเรียนบ้านทุ่งมน(ริมราษฎร์นุสรณ์) สร้างสถานีอนามัย สร้างศูนย์พัฒนาตำบล ขุดสระ ขุดบ่อน้ำ ทำกิจกรรมต่างๆต่อเนื่อง พ. ศ. ๒๔๙๘ พระภิกษุริม รัตนมุนี ได้ทำการขึ้นไปจับจองที่ดิน (สค.๑) สิทธิ์ครอบครองใช้ประโยชน์เป็นที่ดินตั้งอยู่กลางทุ่ง ในเขตหมู่ ๑ บ้านทุ่งมน ตำบลทุ่งมน ทางจากวัดอุทุมพร ๒ กิโลเมตรที่เรียกกันว่า เวียลตะโมกสะเดา ติดกับโคกตะแบง จำนวน ๑๓ ไร่ ๓ งาน ๘๐ ตารางวา หลักฐานที่ดินสค.๑ เลขที่ ๒๑๔ หมู่ ๑ ตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ แจ้งการครอบครองที่ดิน วันที่ ๒๘ พฤษภาคม พ.ศ. ๒๔๙๘ นายพลอย พรหมมนุช ผู้ใหญ่บ้านรับรอง นายเอียด เสาธงทอง และนายเฮีย ทองกระจาย เป็นพยาน ที่ดินข้างเคียง ทิศเหนือจดที่ดินนายดี ทิศใต้จดที่ดินของนายเมา ทิศตะวันออกจดที่ดินของนายปู ทิศตะวันตกจดที่ดินของนายเชย ต่อมามีราษฎรหมู่ที่ ๑ คือนางตุ๊ เรืองสุข และญาติได้ถวายที่ดินบางส่วนเพิ่มเติม พ.ศ. ๒๕๑๐ ตำบลทุ่งมนประสบกับภัยแล้ง ๗ ปี พระภิกษุริม รัตนมุนี ได้ดำเนินการขุดบ่อบ่อน้ำ ณ ที่พื้นที่แปลงนี้ เพื่อเอาน้ำไว้อุปโภค บริโภค ได้เริ่มย้ายพระเณรบางส่วน เข้าอยู่อาศัยมีการปลูกเสนาสนะ ให้เป็นที่พักของพระภิกษุสามเณร และให้มีพระภิกษุเป็นประธานดูแลอย่างต่อเนื่องมอบหมายให้ชาวบ้านตายเจียด(หมู่ใหญ่) และชาวบ้านโคกเกรียง รับผิดชอบในการอุปถัมภ์พระภิกษุสามเณร และเพื่อให้เป็นวัดของบ้านตาเจียด และโคกเกรียง โคกตะแบง จึงมีความประสงค์ที่จะสร้างเป็นวัดแห่งหนึ่ง ในช่วงต้นสร้างวัดใช้ชื่อว่า วัดโคกตะแบง ทางคณะสงฆ์และราชการ เช่น ภาพถ่ายทางอากาศแผนที่ทางราชการ พ.ศ.๒๕๑๙ พระเพลียด สิริปัญโญ (อย่านอนใจ) อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาสังกัดวัดอุทุมพร พ.ศ. ๒๕๒๐ พระเพลียด สิริปัญโญ (อย่านอนใจ) ได้มอบหมายจากพระอธิการริม รัตนมุนี ให้มาเป็นประธานสงฆ์ที่พักสงฆ์วัดทะมัย พ.ศ. ๒๕๒๗ พระอธิการริม รัตนมุนี ผู้ให้กำเนิดที่พักสงฆ์วัดทะมัย หรือสะเดา มอบหมายทางวาจาให้พระเพลียด สิริปัญโญ (อย่านอนใจ) ประธานสงฆ์ที่พักสงฆ์วัดทะมัยหรือสะเดา เป็นผู้รับหน้าที่รับผิดชอบในการปกครองที่พักสงฆ์ พ.ศ.๒๕๒๘ พระอธิการริม รัตนมุนี เจ้าอาวาสวัดอุทุมพร อายุ ๖๔ ปี มรณภาพ วันที่ ๙มิถุนายน ๒๕๒๘ วัดจ๊ะกลับวัดทะมัย เปลี่ยนสภาพการพึ่งพากันแบบพ่อลูก มาเป็นลักษณะวัดพี่กับวัดน้อง พ.ศ. ๒๕๒๙ มีการเขียนป้ายติดไว้ที่หน้าวัดและหน้าหมู่บ้านตาเจียด ว่า “วัดสะเดารัตนาราม”ทางเอกสารคณะสงฆ์อย่างใช้คำว่า วัดสะเดาบ้าง วัดโคกตะแบงบ้าง พ.ศ. ๒๕๒๙ ราชการประกาศจัดตั้งหมู่บ้านแสรโอ แปลเป็นไทยว่า นาห้วย โดยมีบ้านเรือนตั้งอยู่เป็นหย่อม ๆ จากหย่อมโคกตะแบง หย่อมโคกเกรียง หนองไผ่ และแสรโอ รวมกันแล้วได้ ๓๐ ครัวเรือน ทั้งนี้เป็นการแยกสำมะโนครัวมาจากบ้านทุ่งมนหมู่ ๑ และหมู่บ้านพลับหมู่ ๖ พ.ศ. ๒๕๓๓ นายวีระ ได้ทุกทาง ได้อุปสมบทเป็นพระวีระ กิตฺติวณฺโณ เข้าจำพรรษาที่วัดสะเดาได้เริ่มดำเนินการเรื่องการขออนุญาตสร้างวัด แต่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะไม่เข้าใจการดำเนินงาน พ.ศ. ๒๕๓๔ การไฟฟ้าภูมิภาคนำไฟฟ้าสู่หมู่บ้านแสรโอ และได้ติดตั้งไฟฟ้าเข้าวัดโดยใช้ชื่อในเอกสารราชการว่า “วัดสะเดารัตนาราม” ทั้งนี้เป็นไปตามป้ายที่เขียนตั้งไว้หน้าวัด หน้าหมู่บ้านบอกทางไปวัด และผู้ใหญ่บ้านรายงาน พ.ศ. ๒๕๓๔ เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ แต่งตั้ง พระเพลียด สิริปญฺโญ เป็นเจ้าอาวาสวัดสะเดา พ.ศ. ๒๕๓๖ ราชการประกาศแบ่งเขตการปกครองตำบลทุ่งมน เป็น ๒ ตำบล คือตำบลทุ่งมนและตำบลสมุทร พ.ศ. ๒๕๓๙ พระวีระ กิตฺติวณฺโณ สอบปริยัติธรรมแผนกบาลี สอบได้เปรียญธรรม ๓ ประโยคเปลี่ยนเป็นพระมหาวีระ กิตฺติวณฺโณ พ.ศ. ๒๕๔๐ ๒ ธันวาคม พระอธิการเพลียด สิริปญฺโญ มรณภาพอายุ ๗๖ ปี พ.ศ. ๒๕๔๑ เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์แต่งตั้ง พระมหาวีระ กิตฺติวณฺโณ เป็นเจ้าอาวาสวัดสะเดา พ.ศ. ๒๕๔๔ เริ่มใช้คำว่า วัดสะเดารัตนาราม ทั้งทางคณะสงฆ์และการประชาสัมพันธ์ทั่วไป ๒๙ มีนาคมถึง ๓ เมษายน ๒๕๔๔ จัดงานพระราชทานเพลิงศพพระอธิการเพลียด สิริปญฺโญ อดีตเจ้าอาวาสวัดสะเดารัตนาราม “วัดสะเดารัตนาราม” สถานที่พำนักของพระภิกษุ นักประพฤติธรรม มีต้นไม้ มีอากาศ มีน้ำอันน่ารื่นรมย์ ที่หลวงปู่ริม รตนมุนี สร้างขึ้น ณ ทุ่งเวียลตะโมกสะเดา จึงเป็นชื่อที่มีความสมบูรณ์อย่างนี้