ข้อความบันทึกที่ธรณีสงฆ์ทิศเหนือวัด
บันทึกข้อความ
การคณะสงฆ์ตำบลทุ่งมน
วันจันทร์ ที่ ๒๘ มีนาคม พ.ศ. ๒๕๖๕ เวลา ๑๒.๐๐ น.
ณ วัดสะเดารัตนาราม ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์
โดย เจ้าคณะตำบลทุ่งมน
วันนี้ เวลา ๑๐.๓๐ น. เจ้าหน้าที่กรมธนารักษ์ จังหวัดสุรินทร์ ได้ลงพื้นที่สำรวจหน้างานที่ดินธรณีสงฆ์วัดอุทุมพร ที่ดินแปลงนี้อยู่ตรงข้ามด้านทิศใต้กับโรงเรียนบ้านทุ่งมน(ริมราษฎร์นุสรณ์) พร้อมเจ้าที่กรมที่ดินจังหวัดสุรินทร์ สาขาปราสาท เจ้าอาวาสวัดอุทุมพร และนายเปือง สันทัยพร อดีตกำนันตำบลทุ่งมน ที่ดินแปลงนี้มีหลักฐานเป็น ส.ค.๑ เลขที่ ๖๑๕ เจ้าหน้าที่ลงรับวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๔๙๘ โดยมีเจ้าอาวาสวัดอุทุมพร (พระภิกษุริม รตนมุณี) เป็นผู้แจ้งครอบครอง เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๔๙๘ โดยระบุว่าเป็นมรดกสงฆ์ ซึ่งตกทอดต่อกันเป็นระยะเวลา ๑๐๐ ปี สภาพที่ดินเป็นวัด
เพื่อให้เห็นถึงประวัติความเป็นมาของที่ดินแปลงนี้ ว่าเป็นของวัดอุทุมพร (ที่ดินวัดเป็นที่ดินของรัฐประเภทหนึ่ง เพราะที่ดินวัดเป็นที่ดินของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ) และการใช้ประโยชน์สูงสุดจากที่ดินแปลงดังกล่าว จึงขอแสดงประวัติหลวงพ่อตุม , ประวัติยายจรูก , ประวัติวัดอุทุมพร , ความสัมพันธ์ระหว่างวัดอุทุมพรกับโรงเรียนบ้านทุ่งมนฯ และความจำเป็นของวัดอุทุมพรในปัจจุบัน
- ๑.ประวัติหลวงพ่อตุม
หลวงตาตุม เป็นเจ้าอาวาสรูปแรกวัดอุทุมพร เป็นชาวยะวึก ชาวไพรขลา ทุ่งกุลา-ท่าตูม ท่านมักเดินทางจาริกแสวงบุญ ขึ้น ๆ ลง ๆ ระหว่างเขมรสูง(สุรินทร์)กับเขมรต่ำ(กัมพูชา) บ่อย ทุ่งมน คือ เส้นทางผ่านไปสู่ช่องธรรมชาติ(แนงมุด , บักได) และแวะเยี่ยมเยียนญาติโยมที่รู้จัก เช่น ตาย็วง (ตาย็วง ช่างตีทอง ที่รอนแรมเดินทางแวะทุ่งมนบ่อย ๆ ) ชาวบ้านทุ่งมนมีความศรัทธาอยากมีพระไว้ทำบุญทำทานอย่างต่อเนื่อง จึงนิมนต์ท่านอยู่จำ “นิมนก๊วงโน๊ว” ( ก๊วง แปลว่า นั่ง หมายถึง อยู่จำ อยู่กับที่ อยู่ประจำ ) เป็นที่พักสงฆ์เล็ก ๆ ข้างตะวันออกหมู่บ้านทุ่งมน ริมลำห้วย ร่องน้ำไหลระหว่างเนินโคก ๒ พื้นที่ (ระหว่างทุ่งมนกับทุ่งมนตะวันออก) หลวงตาตุม ได้ต่อรองกับชาวบ้านว่า ถ้าจะอยู่จำได้ “ก๊วงบาน” ต้องขอให้ลูกหลานท่านที่อยู่ทางยะวึก ไพลขลา มาอยู่ใกล้ ๆ ด้วย โดยมี หลานจรูก เป็นสำคัญ ขอว่า “ต้องเอา “โกนกะมุย” มาอยู่ด้วยจึงจะอยู่จำได้ “โมก๊วงบาน” เมื่อหลวงตาตุม ตกลงอยู่จำ จึงได้ไปนำหลานจรูก อายุยังเด็ก และญาติมา ให้อยู่ติดกับวัดด้านทิศเหนือ คือ วัดอุทุมพร ( สาย หรือยายแปะ ทรัพย์พูน ม.๑๐ บ้านแสรโอ)
- ๒.ประวัติยายจรูก
ประมาณ พ.ศ. ๒๓๕๑ (ร.๑) ประมาณว่า ในระยะกาลที่ ด.ญ.จรูก หรือยายจรูก ได้ถือกำเนิดลืมตามาดูโลก(ยายจรูกมีเชื้อสายลาว,ลาวอพยพมาอยู่ท่าตูม บริเวณทุ่งกุลา ไพลขลา ท่าตูม) ในครอบครัวช่างตีทอง ชื่อว่า “ย็วง” ตาย็วง มีความรู้ชำนาญด้านการตีทอง และเครื่องเงิน มีการเดินทางไปขายทองตามชุมชนต่าง ๆ เสมอ ๆ มีฐานะดีและใกล้ชิดกับผู้นำชุมชนในพื้นที่ต่าง ๆ ตาย็วงได้เดินทางมาที่ชุมชนบ้านทุ่งมนเช่นชุมชนอื่น ๆ การเดินทาง กับการพบปะผู้คนทำให้ตาย็วงห่างเมียและลูก จนต่อมาได้แต่งงานอยู่กินกับหญิงคนใหม่อีกคน ณ บ้านทุ่งมนตะวันออก ต.ทุ่งมนเรานี้เอง ทราบว่ามีลูกหลานตาย็วงในบ้านทุ่งมนตะวันออกอยู่ ( สาย หรือยายแปะ ทรัพย์พูน)
ครอบครัวยายจรูกมาสร้างบ้านอยู่ติดกับวัด หรือ ที่ดินวัด (ที่ดินที่ชุมชนกำหนดเป็นพื้นดินทางจิตวิญญาณ) ซึ่งเป็นที่ดินกลางของชุมชน ตามคำขอร้องต่อชุมชนของหลวงตาตุม เจ้าอาวาสรูปแรกของวัดอุทุมพร
ยายจรูก เมื่ออยู่บ้านทุ่งมน เป็นคนที่พูดภาษาเขมรสำเนียงลาว ตำนานกล่าวว่า เมื่อ พ.ศ. ๒๓๗๐ (ร. ๓) ทุ่งมนเป็นเส้นทางผ่านของกรมพระราชวังบวรมหาศักดิพล และเกณฑ์กำลังพลเป็นทหารของกองกำลังเขมรป่าดง กองทัพช้างนำโดย พระยาสุรินทรภักดีศรีไผทสมันต์ ( สุน ) จัดกำลังเป็นทัพหน้าเต็มอัตราศึก ไปปราบกบถอนุราชแห่งเมืองเวียงจันทร์ (พื้นที่บริเวณบ้านตาเจียด(ปรีแซะ)กับโคกมะสุด (โคกหมอสุด) เป็นค่ายทหารฝึกกองทัพช้าง ฝึกกองทัพม้า ช่วงประมาณ พ.ศ. ๒๓๐๐ – ๒๓๘๐)
ในชุมชนทุ่งมน คือ สงคราม “อันเต” “อันเตอ” สงครามล้างเผ่าพันธุ์คนลาว มีป่าช้าสถานที่ทิ้งศพอยู่ด้านทิศใต้บ้านทุ่งมน ๕๐๐ เมตร ทิ้งศพ ด้วยการขุดหลุมลึกแบบบ่อน้ำใหญ่ ฆ่าแล้วทิ้งลง
ยายจรูก เป็นครอบครัวหัวก้าวหน้า ครอบครัวคหบดี ครอบครัวอุปถัมภ์วัด ราว พ.ศ. ๒๓๗๖ (ร. ๓ ) ประมาณว่า ยายจรูก มีอายุราว ๒๕ ปี เป็นคนสวย ผิวขาว สูง ร่างใหญ่ สวมแหวนวงใหญ่ ( แหวน เป็นหลักฐานอยู่ในปัจจุบัน) ใส่ตุ้มหูเม็ดโต สวมกำไลทั้งข้อมือ และ ข้อเท้า นุ่งผ้าจูงกระเบน ก็ได้แต่งงานกับตาสู่ หนุ่มผู้ดีบ้านทุ่งมน ซึ่งมีตำแหน่งเป็นทหารหรือตำรวจบ้าน และผู้นำของหมู่บ้าน แล้วออกเรือนทำมาหากินสร้างฐานะครอบครัว อาศัยอยู่ที่บ้านทุ่งมนติดกับวัดอุทุมพร
ยายจรูก มีการบริหารจัดการการงานด้วยตนเองได้อย่างดี มีอำนาจทางสังคมมาก ฐานะร่ำรวยมีทรัพย์มาก ใต้ถุนบ้านมีแต่สิ่งของ ครุ กระเชอ เกรียง กระด้ง ของเก่า ของเสียแล้วอยู่เต็มไปหมด ตกเย็นก็จะหย่อนเงินทองจำนวนมากลงหลุมใต้ถุนบ้าน มีฝูงวัวใหญ่ ๓๐๐ – ๕๐๐ ตัวพร้อมกระพรวน กระดิ่งผูกคอวัวเกือบทุกตัว เสียงดังกังวานไกล ตาโฮ ลูกชายสุดท้องยายจรูก เมื่อซื้อทองแทนที่จะให้พี่สาวใส่นำไปใส่ให้วัวแทนบ่อยครั้ง หน้าคอกก็มีแต่สิ่งของเสีย ของเก่าเต็มหน้าคอกวัว เลี้ยงวัวแบบปล่อยป่า ถ้าวัวของใครหลงเข้าไปในฝูง ๕ – ๑๐ ตัวแล้วจะหาไม่เจอเลย เวลาพาบริวารซึ่งมีจำนวนมากไปเลี้ยงวัวในป่าก็จะชวนกันยกก้อนหินก่อเป็นกองเรื่อย ๆ จนเป็นกองใหญ่ มีการครอบครองที่ดินจำนวนมากกว่าเขา มีกองคาราวานขนเกลือ มีการค้าขายระหว่างชุมชน มีการปลูกข้าวพอเลี้ยงครอบครัวและบริวาร เป็นนายเงิน เป็นคหบดี มีการปลูกหม่อนเลี้ยงไหม เป็นผู้สื่อสารกับเจ้าเมือง เป็นผู้เก็บส่วย เป็นผู้นำที่กล้าหาญ มีข้าทาสบริวารรับใช้จำนวนมาก ยายเดินทางด้วยการขี่ม้าถือไม้แส้ “ปัดต็าย” ลำโต ไส้ยาว ตาแยม ลูกเขยเมื่อเมามาจะกลัวยายจรูกมาก ยายจรูกจะดุว่ากล่าวอย่างแรง
ที่ตั้งบ้าน ๒ หลังนี้อยู่ติดกันข้างวัดอุทุมพร คือ แผ่นดินผืนที่ยายจรูกเข้ามาอยู่บ้านทุ่งมนครั้งแรก อยู่ด้านทิศเหนือติดวัด ลูก ๆ หลาน ๆ หลายคนอาศัยอยู่รวมกันตรงนี้ บัดนี้บ้านที่เห็นเป็นบ้านรุ่นเหลน โหลนปลูกสร้างอยู่อาศัย
ยายจรูก ครอบครัวนายบ้านมีหน้าที่เก็บส่วย จึงมีที่ดินจำนวนมาก มีบทบาทในการจับจองที่ดิน ที่ดินตั้งแต่ด้านเหนือวัดอุทุมพร บริเวณที่ตั้งโรงเรียนบ้านทุ่งมน (ริมราษฎร์นุสรณ์) ถึงบ้านกำไสจาน มีประวัติว่าเป็นมรดกยายจรูกทั้งนั้น
- ๓.ประวัติวัดอุทุมพร
ที่ตั้งวัดอุทุมพรรวมถึงที่ดินด้านทิศเหนือวัดในปัจจุบัน (แปลงที่เป็นส.ค.๑ เลขที่ ๖๑๕ ) ในอดีตชุมชนบ้านทุ่งมนกำหนดให้เป็นพื้นที่กลางของชุมชนด้านจิตวิญญาณ คือ เป็นที่เผาศพ เป็นที่ฝังศพ เป็นฝังกระดูกบรรพบุรุษ เป็นที่พักของนักบวชที่เดินทางผ่านและแวะชุมชน ต่อมาจึงกำหนดลงรากปักฐานให้เป็นพื้นที่ศาสนาแบบถาวร คือวัดอุทุมพร
พ.ศ. ๒๓๖๐ ( ร.๒) ตั้งวัดอุทุมพร ตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งมีความจริงว่าเป็นวัดที่เกิดขึ้นก่อน พ.ศ.๒๓๖๐ แน่นอน ซึ่งวัดอุทุมพรตั้งขึ้นก่อนวัดเพชรบุรี ตั้งแต่ พ.ศ.๒๓๔๒
วัดอุทุมพรปัจจุบันตั้งอยู่เลขที่ ๑๑๙ หมู่ที่ ๙ ตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งมีเนื้อที่ ๙ ไร่ ๒ งาน ๓๘ ตารางวา
มีเจ้าอาวาสมาแล้ว ๑๒ รูป ลำดับเจ้าอาวาสตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ดังนี้
- ลำดับที่ ๑ พระตุ้ม อิสิทตฺโต ตั้งแต่ พ.ศ...............ถึง พ.ศ...........
- ลำดับที่ ๒ พระคง อินฺทปญฺโญ ตั้งแต่ พ.ศ............. ถึง พ.ศ............
- ลำดับที่ ๓ พระชื่น ตั้งแต่ พ.ศ. ............ ถึง พ.ศ. ...........
- ลำดับที่ ๔ พระผึ้ง โอภาโส ตั้งแต่ พ.ศ.............. ถึง พ.ศ............
- ลำดับที่ ๕ พระเถาะ กิตฺติทินฺโน ตั้งแต่ พ.ศ.............. ถึง พ.ศ.๒๔๙๕
- ลำดับที่ ๖ พระอธิการริม รตนมุณี ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๕ ถึง พ.ศ.๒๕๒๘
- ลำดับที่ ๗ พระครุฑ ขนฺติโก ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๘ ถึง พ.ศ.๒๕๒๙
- ลำดับที่ ๘ พระเนือย ธีรปญฺโญ ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๒๙ ถึง พ.ศ.๒๕๓๐
- ลำดับที่ ๙ พระหาญ ธมฺมวโร ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๓๐ ถึง พ.ศ.๒๕๓๖
- ลำดับที่ ๑๐ พระสุวรรณ สนฺตจิตฺโต ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๓๖ ถึง พ.ศ.๒๕๓๙
- ลำดับที่ ๑๑. พระครูวิสุทธิกิตติญาณ เจ้าตำบลทุ่งมน (รักษาการแทนเจ้าอาวาส) ตั้งแต่ พ.ศ.๒๕๓๙-๒๕๔๘
- ลำดับที่ ๑๒. พระมหาชาญ อชิโต ป.ธ.๗ ตั้งแต่ พ.ศ. ๒๕๔๘ ถึง ปัจจุบัน
- ๔.ความสัมพันธ์ระหว่างวัดอุทุมพรกับโรงเรียนบ้านทุ่งมนฯ
พ.ศ. ๒๔๖๔ (ร.๖) ตรา พ.ร.บ. ประถมศึกษา ขึ้นใช้ รับสมัครเด็ก อายุ ๗ – ๑๔ ปี เข้าเรียน มีการตั้งโรงเรียนประชาบาลขึ้นตามท้องที่ในอำเภอ ตำบลต่าง ๆ โดยให้กระทรวงศึกษาธิการเป็นผู้ดูแล วัดอุทุมพร ได้เป็นสถานที่จัดการเรียนการสอนนักเรียนในนามชื่อโรงเรียนประชาบาลวัดอุทุมพร ช่วงเริ่มต้นในปี พ.ศ.ที่พระผึ้ง โอภาโส เป็นเจ้าอาวาส
เมื่อพระอธิการริม รตนมุณี เป็นเจ้าอาวาสวัด ตั้งแต่ พ.ศ.๒๔๙๕ โรงเรียนประชาบาลวัดอุทุมพร ยังคงตั้งที่วัด ต่อมาเมื่อทางราชการบ้านเมืองต้องการการพัฒนา ยกระดับระบบการศึกษาให้ดีขึ้น พระอธิการริม รตนมุณี ผู้นำทางจิตวิญญาณของชุมชนจึงได้เป็นแกนหลักในการก่อสร้างโรงเรียนขึ้นให้มั่นคงถาวร มีการขอความร่วมมือจากชุมชน ญาติโยมบริจาคที่ดินเพื่อเป็นที่ตั้งโรงเรียนแห่งใหม่ ซึ่งก็ได้รับการบริจาคที่ดินจากลูกหลานสายตระกูลยายจรูกด้านทิศเหนือของวัด ท่านพาพระเณรและชาวบ้านลงแรงก่อสร้างโรงเรียนแห่งใหม่ลุล่วงสำเร็จ ทำการเปิดการเรียนการสอน เมื่อวันที่ ๒๔ มิถุนายน ๒๕๐๓
พระอธิการริม รตนมุณี เป็นเจ้าอาวาสวัดอุทุมพร ได้ร่วมบริหารโรงเรียนตั้งแต่ตั้งอยู่ในวัด เมื่อย้ายออกจากวัดแล้ว ยังอุปถัมภ์ดูแลโรงเรียนต่อ เช่น การสร้างบ้านพักภารโรงบนที่ดินของวัดอันอยู่ตรงข้ามโรงเรียน ให้เป็นที่พักของภารโรง จำนวน ๒ คน ภารโรง ๒ คน เป็นลูกศิษย์วัดอุทุมพร อันลาสิกขาจากวัดอุทุมพร ให้ช่วยงานโรงเรียน ทางวัดได้จ่ายค่าจ้างภารโรงทุกเดือน ก่อนที่ทางราชการจะรับเข้าเป็นข้าราชการของกระทรวงศึกษาธิการ
ด้วยบ้านพักภารโรง แม้สร้างบนที่ดินวัด แต่ตรงข้ามโรงเรียน (๑)เป็นที่อยู่ของภารโรงที่ช่วงหลังรับเงินเดือนจากทางกระทรวงศึกษาธิการ (๒)พระอธิการริม รตนมุณี ผู้ที่เข้าใจในการจัดการทุกเหตุผล มรณภาพแล้ว พ.ศ.๒๕๒๘ จึงเป็นช่องว่าง หรือเหตุให้ผู้บริหารโรงเรียนในปี พ.ศ.ที่มีการขึ้นทะเบียนที่ดินราชพัสดุนั้น เข้าใจว่า “ที่ดินแปลงนี้ที่มีหลักฐานเป็น ส.ค.๑ เลขที่ ๖๑๕ เจ้าหน้าที่ลงรับวันที่ ๒๘ พฤษภาคม ๒๔๙๘ โดยมีเจ้าอาวาสวัดอุทุมพร (พระภิกษุริม รตนมุณี) เป็นผู้แจ้งครอบครอง เมื่อวันที่ ๑๐ พฤษภาคม ๒๔๙๘ โดยระบุว่าเป็นมรดกสงฆ์ ซึ่งตกทอดต่อกันเป็นระยะเวลา ๑๐๐ ปี สภาพที่ดินเป็นวัด” นี้เป็นที่ดินของโรงเรียน
- ๕. ความจำเป็นของวัดอุทุมพรในปัจจุบัน
- ที่ตั้งวัดอุทุมพร เป็นพื้นที่แคบ ในปัจจุบัน เมื่อมีการจัดกิจกรรมใด ๆ ก็ขาดที่จอดรถ หรือ ไม่สามารถจัดกิจกรรมที่ต้องการพื้นที่ที่กว้างได้
- ทางสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ เมื่อต้องบริหารงานให้โปร่งใส เป็นไปตามนโยบายกฎหมายรัฐธรรมนูญ รัฐบาล หรือระบบราชการ การจัดการศาสนสมบัติจะต้องมีความชัดเจน ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน
- วัดอุทุมพร เป็นวัดที่ตั้งอยู่ใจกลางชุมชน เป็นวัดเก่าแก่ และเป็นแหล่งเรียนรู้ของชุมชนหลายด้าน มีความโดดเด่นด้านการศึกษานักธรรม บาลี ระดับจังหวัดสุรินทร์
- วัดอุทุมพร มีบุคลากรที่มีความรู้ความสามารถจำนวนมาก ทั้งในวัดและนอกวัด เครือข่ายวัด ในการรับบทบาททางพระพุทธศาสนา
- วัดอุทุมพร มีความจำเป็นต้องใช้ทรัพยากรที่เพียงพอต่อการบริหารจัดการกิจการของวัดต่อไป