จุดเปลี่ยนการจัดการวัดจากการพัฒนาพระในวัด 2568

จาก wiki.surinsanghasociety
ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา
  • 5 กรกฎาคม 2568 แก้ปัญหาการนอนมากเกินไป [1]

🔹 แนวทางเบื้องต้นในการพัฒนาพระภิกษุวัดสะเดารัตนาราม 5 ประการ
1. การตระหนักรู้ในบทบาทและหน้าที่ (Awareness)
พัฒนาความเข้าใจในหน้าที่ของตนเองในฐานะพระภิกษุ — เป็นผู้สืบทอดพระศาสนา เป็นหลักทางใจของชาวบ้าน และเป็นแบบอย่างแห่งธรรม ใช้การสนทนาธรรมและการสอนธรรมะภายในหมู่คณะ กระตุ้นให้มีการใคร่ครวญบทบาทของตนอยู่เสมอ

2. การจัดสรรเวลาอย่างมีเป้าหมาย (Time Allocation)
จัดเวลาให้กับการศึกษาธรรม ปฏิบัติสมาธิ และภารกิจสงฆ์อย่างสมดุล แบ่งเวลาในแต่ละวันให้ชัด เช่น เวลาศึกษา เวลาปฏิบัติ เวลาพัก หลีกเลี่ยงกิจกรรมฟุ้งซ่านหรือการเสพสื่อที่ไม่จำเป็น

3. การควบคุมและกำกับดูแลในวัด (Discipline & Supervision)
สร้างวินัยในหมู่คณะอย่างนุ่มนวลแต่มั่นคง มีผู้ดูแล และระบบตรวจสอบเพื่อการพัฒนา แต่งตั้ง “พระพี่เลี้ยง” หรือ “กรรมการวัด” ดูแลพฤติกรรมในหมู่สงฆ์ มีกฎเกณฑ์ภายในที่ทุกคนมีส่วนร่วมในการตกลงและยึดถือร่วมกัน

4. การกระตุ้นเตือนอย่างมีเมตตา (Encouragement & Motivation)
ใช้คำพูด คำสอน และความสัมพันธ์ที่ดีเป็นแรงหนุนใจให้เกิดการพัฒนา ืการเตือนกันอย่างนุ่มนวลไม่ตำหนิ การให้กำลังใจเมื่อตั้งใจปฏิบัติดี การยกย่องผู้ที่ประพฤติดีเพื่อเป็นแรงบันดาลใจแก่ผู้อื่น

5. การสะท้อนผลและเรียนรู้จากประสบการณ์ (Reflection)
ฝึกให้พระภิกษุหมั่นประเมินตนเอง พิจารณาจิตใจ และเรียนรู้จากชีวิต มีการประชุมประจำสัปดาห์เพื่อสรุปบทเรียนร่วมกัน ฝึกการเขียนบันทึกธรรม หรือบันทึกจิตภาวนา ส่งเสริมการสนทนาธรรมกลุ่มย่อย


✅ แนวทาง 5 ข้อนี้ “สามารถดำเนินการได้จริง” ภายในวัดสะเดารัตนาราม หากมีปัจจัยสนับสนุน 3 ประการหลักต่อไปนี้
🔸 1. เจ้าอาวาสหรือผู้นำสงฆ์ต้องเป็นแบบอย่าง (Leading by Example)
การพัฒนาพระภิกษุทั้งวัด เริ่มต้นจากพระผู้ใหญ่ที่กล้า “ฝึกตน” และ “เปิดพื้นที่ให้ผู้อื่นฝึกตาม”

หากเจ้าอาวาสมีใจให้การพัฒนา 5 ด้านนี้ และสื่อสารด้วยเมตตา พระรูปอื่นจะค่อยๆ ขยับตาม

ผู้นำที่ไม่กดดัน แต่ยืนมั่นในหลักธรรม จะสามารถชักจูงจิตใจได้มากกว่าคำสั่ง

🔸 2. เริ่มจากสิ่งเล็กและค่อยๆ ต่อเนื่อง (Start Small, Stay Consistent)
อย่ารีบเปลี่ยนทั้งหมดพร้อมกัน แต่ออกแบบให้ เป็นกิจวัตรประจำวันหรือประจำสัปดาห์

เช่น เริ่มจากการ “ประชุมกลุ่มย่อย 1 ครั้ง/สัปดาห์” เพื่อพูดคุยเรื่องบทบาทภิกษุ (ข้อ 1)

หรือให้ “พระแต่ละรูปเขียนบันทึกธรรมสัปดาห์ละ 1 หน้า” (ข้อ 5)

ไม่ต้องเปลี่ยนทั้งวัดในวันเดียว แต่ใช้วิธี “บ่มเพาะธรรม” เงียบๆ แบบสม่ำเสมอ

🔸 3. สร้าง “วัฒนธรรมหมู่คณะ” ที่เกื้อหนุน (Supportive Monastic Culture)
เมื่อมีมากกว่า 2 รูปที่ตั้งใจปฏิบัติตามแนวทางนี้แล้ว ให้ส่งเสริมการสนับสนุนกันเองในหมู่คณะ

อาจแต่งตั้ง “พระพี่เลี้ยง” อย่างเป็นทางการ (ข้อ 3) เพื่อดูแลและกระตุ้น (ข้อ 4)

การยกย่องพระที่ประพฤติดี โดยไม่ทำให้เกิดการแข่งขัน แต่เกิดแรงบันดาลใจ

ใช้คำสอนของพระพุทธองค์ เช่น โอวาทปาติโมกข์ มาเป็นหลักประจำกลุ่ม

🔻 อุปสรรคที่อาจเจอ (และทางแก้) อุปสรรค ทางออกที่แนะนำ พระบางรูปไม่เห็นความสำคัญ ใช้ “ผู้มีอิทธิพลในหมู่คณะ” ช่วยสื่อสาร
ขาดเวลาหรือภารกิจมาก จัดเวลาเพียงวันละ 30 นาที หรือ 1 วันต่อสัปดาห์
กลัวการตำหนิ/ไม่กล้าเตือนกัน เริ่มจากกิจกรรมสร้างความสัมพันธ์ เช่น “ภาวนาร่วมกัน”

✅ สรุป
แนวทาง 5 ข้อนี้เหมาะสมกับบริบทของวัดสะเดารัตนาราม และสามารถนำไปสู่เป้าหมายการพัฒนาพระภิกษุได้จริง โดยเฉพาะเมื่อมีผู้นำที่มั่นคง กลไกที่เรียบง่าย และวัฒนธรรมที่เกื้อหนุน


🛏️ ประเด็นปัญหา: การนอนมากเกินไป / การนอนผิดเวลา
วันที่ 5 กรกฎาคม 2568

🔍 ลักษณะปัญหา
พระภิกษุบางรูปมีพฤติกรรมนอนมากเกินไป โดยเฉพาะ หลังภัตตาหารเช้า

การนอนผิดเวลา ทำให้ขาดความต่อเนื่องในการปฏิบัติธรรมและภารกิจประจำวัน

ส่งผลต่อความกระตือรือร้น ภาวะสมาธิ และความมีวินัยในชีวิตสงฆ์

🧠 หลักคิดและคำอธิบาย
หลังฉันเช้าห้ามนอน ควรช่วยกันทำกิจกรรม เช่น กวาดลานวัด หรือกิจกรรมส่วนรวม

การนอนมากไม่ใช่ความสบาย แต่เป็น “กิเลสชั้นละเอียด” ที่ควรตระหนักและเบรกให้ได้

ยิ่งนอนมากกลับยิ่งเพลีย เพราะร่างกายขาดน้ำ และสมองไม่ตื่นตัวเต็มที่

พฤติกรรมเหล่านี้ถือเป็น “กิเลสชั้นละเอียด” ที่ต้องได้รับการแก้ไขอย่างจริงจัง

✅ ข้อเสนอเพื่อแก้ไข
กำหนดกิจกรรมหลังฉันเช้า เช่น ทำความสะอาดวัด เดินจงกรม หรือสวดมนต์

อบรมให้เข้าใจโทษของการนอนเกินจำเป็น โดยยกตัวอย่างเชิงวิทยาศาสตร์และธรรมะ

สร้างวินัยหมู่คณะ ให้ร่วมกันตื่นตัว ไม่ส่งเสริมพฤติกรรมเกียจคร้าน

เน้นย้ำผ่านการสอนธรรม ว่าการตัดความสบายส่วนเกิน คือการฝึกขัดเกลากิเลสอย่างหนึ่ง



"กิจกรรมวัดสะเดารัตนาราม"
1. พัฒนาพระภิกษุในวัด

วันจันทร์–ศุกร์ เรียนธรรมะ
08.00–09.00 น. → ห้ามอยู่ในห้อง
09.00–10.30 น. → เรียน

13.00–16.00 น. → เรียน นำเสนอธรรม / ถกกระทู้เพื่อให้เข้าใจ


วันเสาร์–อาทิตย์ → จัดกิจกรรมเสริมตามโอกาส

กิจกรรมประจำวัน (เพื่อสร้างวินัยในตน)

ตื่นพร้อมกัน เวลา 04.00–05.00 น.

รักษาความสะอาด ห้องนอน / ที่อยู่ที่ตนเองรับผิดชอบ

กระตุ้นและเตือนกัน ภายในหมู่คณะทุกวัน

2. เป็นศูนย์อบรมชาวพุทธ
วัดสะเดารัตนารามมุ่งพัฒนาให้เป็นพื้นที่กลางของชุมชนในการเรียนรู้พระพุทธศาสนา เช่น

การอบรมธรรมะเยาวชน

กิจกรรมเข้าค่ายคุณธรรม

เวทีสนทนาธรรมและการพัฒนาจิต


หากการเรียนหลักธรรมไม่มุ่งไปสู่การเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม ย่อมเป็นเพียงการเรียนรู้ในระดับปริยัติที่ให้ประโยชน์น้อย”

“การศึกษาพระธรรมโดยไม่เชื่อมโยงกับการฝึกตน ย่อมเป็นเพียงปริยัติที่ไม่อาจกลั่นเป็นปฏิบัติ และไม่ก่อเกิดประโยชน์แท้ในชีวิตประจำวัน”

5 กรกฎาคม 2568


แนวนโยบายวัดสะเดารัตนาราม [2]
ว่าด้วยตำแหน่ง “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสฝ่ายปกครอง” ( AI ช่วยเขียนข้อความ)
ประกาศ ณ วันที่ 6 กรกฎาคม พุทธศักราช 2568
---
หลักการและเหตุผล
เพื่อส่งเสริมวินัยและพฤติกรรมอันพึงประสงค์ของพระภิกษุในวัดให้เป็นไปตามหลักพระธรรมวินัย และเพื่อสร้างแบบอย่างที่ดีในการดำเนินชีวิตประจำวันของพระสงฆ์ จึงเห็นสมควรแต่งตั้งตำแหน่ง ผู้ช่วยเจ้าอาวาสฝ่ายปกครอง เพื่อทำหน้าที่ดูแล ชี้แนะ และเป็นต้นแบบทางวัตรปฏิบัติและวินัยของพระภิกษุภายในวัด
---
วัตถุประสงค์
1. เพื่อควบคุม ดูแล และกระตุ้นเตือนพระภิกษุให้มีวินัย และไม่ประพฤติผิดธรรมวินัย
2. เพื่อให้มีผู้รับผิดชอบในการสังเกต แนะนำ ตักเตือนเมื่อพบเห็นการลืมสติหรือพฤติกรรมไม่เหมาะสม
3. เพื่อเป็นต้นแบบด้านพฤติกรรมและจริยวัตรอันเหมาะสม
4. เพื่อร่วมสร้างวัดให้เป็นศูนย์กลางการเรียนรู้และการปฏิบัติธรรมของสงฆ์อย่างมีระบบ
---
บทบาทและหน้าที่ของผู้ช่วยเจ้าอาวาสฝ่ายปกครอง
1. ทำหน้าที่ ชี้โทษ แนะนำ ตักเตือน พระภิกษุที่ประพฤติไม่เหมาะสม หรือขาดความใส่ใจในการดำรงชีวิตตามธรรมวินัย
2. มีอำนาจ ตำหนิ คาดโทษ หรือเสนอแนวทางแก้ไขพฤติกรรม ต่อพระภิกษุภายในขอบเขตที่เหมาะสม และรายงานต่อเจ้าอาวาส
3. เป็นแบบอย่างในด้าน: การตื่นนอนตรงเวลา ไม่นอนกลางวันโดยไม่มีเหตุจำเป็น มีความเข้าใจในคำถาม 6 ข้อ, ความดีสากล 5 อย่าง และหลัก 5 ห้องชีวิต มีความกระตือรือร้น มีเมตตา และไม่เฉื่อยชา
4. เข้าร่วมกิจกรรมการศึกษา การสนทนาธรรม และการอบรมร่วมกับพระภิกษุและญาติโยม เพื่อพัฒนาตนและหมู่คณะอย่างต่อเนื่อง
---
คุณสมบัติของผู้ดำรงตำแหน่ง
1. เป็นพระภิกษุในวัดสะเดารัตนารามที่มีความประพฤติเรียบร้อย และเป็นที่น่าเคารพนับถือ
2. มีวินัยในตนเองสูงและสม่ำเสมอ
3. เป็นผู้ที่เข้าใจหลักธรรมสำคัญที่ใช้พัฒนาชีวิต เช่น คำถาม 6 ข้อ / ความดีสากล 5 ประการ / 5 ห้องชีวิต
4. เป็นผู้มีเมตตา ชี้แนะโดยไม่ใช้อารมณ์ และได้รับความไว้วางใจจากหมู่คณะ
---
วิธีการแต่งตั้ง
ให้ พระภิกษุในวัดร่วมกันคัดเลือกโดยความสมัครใจและยอมรับร่วมกัน
เสนอต่อเจ้าอาวาสเพื่อแต่งตั้งอย่างเป็นทางการ
ดำรงตำแหน่งเป็นวาระ 1 ปี หรือพิจารณาต่ออายุได้ตามความเหมาะสม
---
บทเฉพาะกาล
เพื่อเป็นการเริ่มต้นดำเนินงานตามแนวนโยบายนี้ เจ้าอาวาสสามารถแต่งตั้งพระภิกษุผู้มีคุณสมบัติเหมาะสมให้ดำรงตำแหน่งชั่วคราวได้ ก่อนเข้าสู่กระบวนการคัดเลือกโดยหมู่คณะ


ช่วยกันสร้างพระที่มีคุณสมบัตินี้ให้หน่อยน่ะ (ช่วยกันคัดเลือกผู้นำสร้างผู้นำทางจิตวิญญาณ วางแผนอนาคต แบบทิเบต)
แต่ก่อนไม่ค่อยอ่อนเพลียไม่ค่อยอ่อนแรงเท่าปัจจุบัน
อีกอย่างปัญหาทางสังคมไม่รุนแรงเท่าปัจจุบัน
และโอกาสที่จะทำไม่เช่นปัจจุบัน
โอกาสที่มีพัฒนาการมาถึงปัจจุบัน
บทเรียนที่นำมาสู่บทสรุปเช่นปัจจุบัน

6 กรกฎาคม 2568

🔸 แนวปฏิบัติในการคัดเลือก
ผู้ช่วยเจ้าอาวาสฝ่ายปกครอง วัดสะเดารัตนาราม
วัตถุประสงค์: เพื่อคัดเลือกพระภิกษุผู้มีความประพฤติดี มีวินัย และเป็นแบบอย่างที่ดีในชีวิตประจำวัน เพื่อทำหน้าที่ผู้ช่วยเจ้าอาวาสฝ่ายปกครอง ด้วยวิธีการที่โปร่งใส และมีส่วนร่วมจากทั้งพระภิกษุและกรรมการวัด

🛎️ กระบวนการคัดเลือก
กำหนดระยะเวลาประเมิน: ระยะเวลา 3 เดือนติดต่อกัน

วิธีการประเมิน: พระภิกษุในวัดและกรรมการวัดจะร่วมกัน ให้คะแนนรายวัน ผ่านแบบฟอร์มตารางประเมินพฤติกรรม โดยดูจากประเด็นหลัก 10 ข้อ ดังนี้:

📊 ประเด็นการประเมิน (วันละ 10 ข้อ)
ให้คะแนน 1–5 คะแนน ต่อข้อ (1 = น้อยที่สุด, 5 = มากที่สุด)

ลำดับ ประเด็นพฤติกรรมที่ประเมิน
1 การตื่นนอนแต่เช้า
2 การไม่นอนกลางวัน
3 การทำกิจวัตรช่วงเช้า ช่วงเพล ช่วงบ่าย ช่วงค่ำ
4 การศึกษาเล่าเรียนธรรมะ
5 ความรับผิดชอบความสะอาดที่พัก
6 ความรับผิดชอบความสะอาดวัด
7 การนุ่ง การห่มจีวรเรียบร้อย
8 การไม่สูบบุหรี่
9 ความกระตือรือร้น สดชื่น แจ่มใส
10 การแสดงตนเป็นกัลยาณมิตร (ตักเตือนเพื่อนด้วยเมตตา)

📘 วิธีสรุปผลคะแนน
ให้คณะกรรมการรวมคะแนนรายวันของแต่ละรูปตลอด 3 เดือน

พระภิกษุที่ มีคะแนนรวมสูงสุด จะได้รับการเสนอชื่อให้ดำรงตำแหน่ง

ในกรณีมีคะแนนสูสีกัน อาจให้มี การสัมภาษณ์หรือพูดคุยในหมู่คณะ เพื่อยืนยันความเหมาะสมอีกครั้ง

🟢 ข้อดีของระบบนี้
เน้น พฤติกรรมจริงที่สังเกตได้ ในชีวิตประจำวัน

ให้ พระภิกษุทุกองค์และกรรมการวัดมีส่วนร่วม

สร้างวัฒนธรรม ร่วมกันเตือน ร่วมกันสรรเสริญ อย่างมีเมตตา

เป็นกระบวนการคัดเลือกที่ยุติธรรม และส่งเสริมความสามัคคี

6 กรกฎาคม 2568

เมื่ออายุเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับสภาพแวดล้อมภายนอกที่มีคุณภาพต่ำ ย่อมส่งผลต่อร่างกายและจิตใจ ทำให้เกิดความอ่อนเพลีย เหน็ดเหนื่อย และนำไปสู่อารมณ์เบื่อหน่าย หดหู่ หรือรู้สึกว่าปัญหาที่ต้องเผชิญนั้นทวีความรุนแรงและซับซ้อนมากยิ่งขึ้น

ผู้คนในสังคมต่างต้องเผชิญกับกิเลสที่ละเอียดลึกซึ้ง ซึ่งแฝงอยู่ในอุปสรรคและความยากลำบากของการดำเนินชีวิต จึงมักนำไปสู่การก่อปัญหาและการสะสมของปัญหาหลากหลายประการ

คณะพระภิกษุในวัดสะเดารัตนารามจึงจำเป็นต้องร่วมกันสร้างสรรค์บริบทแห่งการอยู่ร่วมกันที่ดี มีความเข้มแข็งทางทีมงาน เกื้อกูลกันเป็นกัลยาณมิตร แบ่งเบาภาระ ช่วยเหลือกันทั้งในทางปกครองและกิจสงฆ์ เพื่อความมั่นคงของชุมชนสงฆ์โดยรวม

ด้วยเหตุนี้ การบริหารจัดการภายในวัดสะเดารัตนารามจึงควรมีการแต่งตั้ง “ผู้ช่วยเจ้าอาวาสฝ่ายปกครอง” ซึ่งเปรียบเสมือนพี่เลี้ยงของหมู่คณะ มีหน้าที่ประคับประคอง ช่วยสนับสนุนการดำเนินกิจภายในวัดให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและราบรื่น

การสรรหาผู้ที่มีคุณสมบัติเหมาะสมสำหรับตำแหน่งนี้ จำเป็นต้องอาศัยการพิจารณาอย่างรอบคอบ ยาวนาน และเป็นธรรม โดยให้พระภิกษุในวัดประเมินตนเอง รวมถึงให้เพื่อนพระภิกษุร่วมกันประเมิน และเปิดโอกาสให้ญาติโยม กรรมการวัด และผู้ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันสังเกตพฤติกรรมและให้คะแนนตลอดระยะเวลา 3 เดือน

เชื่อว่าด้วยกระบวนการนี้ จะสามารถคัดเลือกพระภิกษุที่เปี่ยมด้วยคุณธรรม ความสามารถ และความเสียสละ เพื่อทำหน้าที่ผู้ช่วยเจ้าอาวาสฝ่ายปกครองได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
7 กรกฎาคม 2568 [3]

แต่ก่อน เจ้าอาวาสวัดสะเดารัตนาราม อาจยังมองปัญหาได้ไม่ลึกซึ้ง หรือยังไม่มีโอกาสได้ทำงานที่มุ่งไปสู่ความเป็นงานคุณภาพ จึงต้องทำงานในลักษณะหยาบๆ อยู่ในระดับพื้นฐาน
แต่บัดนี้ ภารกิจที่ต้องทำจำเป็นต้องพัฒนาอย่างเป็นระบบ เป็นขั้นเป็นตอน มุ่งไปสู่ความเป็นงานคุณภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้ผมต้องมองปัญหาให้ลึกซึ้ง รอบคอบ และละเอียดอ่อน
เมื่อมองอย่างลึกลงไป ก็พบว่าปัญหามีอยู่มากมายและซับซ้อน ยากที่คนคนเดียวจะสามารถแก้ไขได้ทั้งหมดอย่างมีประสิทธิภาพ
ดังนั้น การทำงานในวันนี้จึงต้องการ ทีมงานที่มีคุณภาพ ทีมที่ เข้มแข็งทั้งทางความคิดและการลงมือทำ ซึ่งพร้อมจะมีส่วนร่วมในการมองเห็นปัญหา ร่วมวิเคราะห์ และร่วมลงมือแก้ไขไปด้วยกัน
การมีทีมที่ร่วมแรงร่วมใจกันเช่นนี้ ไม่เพียงช่วยแบ่งเบาภาระ แต่ยังทำให้การแก้ไขปัญหาเป็นไปอย่างยั่งยืน มีพลัง และสามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงที่แท้จริงได้
7 กรกฎาคม 2568 [4]


ภาพที่ 1
แก้ปัญหาการนอน เวลา ๐๘.๐๐–๐๙.๐๐ น.
๑. ทำความสะอาด เช่น กวาดพื้นศาลา
๒. ซักผ้า
๓. เดินเก็บขยะบริเวณวัด
๔. ไม่อยู่ในห้องนอน / นั่งเล่นที่ศาลาเล็ก
๕. อ่านหนังสือ
๖. ทำภารกิจส่วนตัว
๗ ก.ค. ๖๘

ภาพที่ 2
วัด → เอกชน → บริษัท
(เข้มแข็งด้วยตน)

สร้างศรัทธา / เรียกศรัทธา

  • เพื่อการอยู่รอดของสงฆ์ (ปัจจัย ๔)

วิธีการ
๑. สวดมนต์ให้ได้
๒. วันพระ พร้อมกันลงฉัน/ ลงสวด
๓. พาพระปฏิบัติศาสนธรรม
๔. ลดการใช้เงิน
๕. รู้ทันถีนมิจฉะ

ความสุข (๒)
๑. อามิสสุข → กามคุณ ๕ → อายตนะภายนอก ๕ (รูป เสียง กลิ่น รส สัมผัส) ด้า่นที่น่าพอใจ
๒. นิรามิสสุข → ควรมีอยู่ในผู้ปฏิบัติ ผู้บวช

กตัญญู = ทางรอดของวัดสะเดารัตนาราม


เคารพ

อดทน

ปัญญา

  • พระสารีบุตร
  • พระราหุล
  • พระอานนท์

7 กรกฎาคม 2568 [5]


Caption text

Caption text

Caption text