พัฒนาการความคิด ช่วงปี 2542-2543

จาก wiki.surinsanghasociety
ไปยังการนำทาง ไปยังการค้นหา

กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒

  • ๒๖ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒ หนังสือที่ จจ.สร.๒๙/๒๕๔๒ สำนักงานเจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ เรื่องประชุมเจ้าอาวาสแต่งตั้งใหม่ ลงนามโดย พระราชวิสุทธิเมธี เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ เรียน พระมหาวีระ กิตฺติวณฺโณ เจ้าอาวาสวัดสะเดา ตำบลทุ่งมน ผู้ได้รับการคัดเลือก ๑ ใน ๕ รูปของจังหวัดสุรินทร์ ให้เข้าประชุมในวันที่ ๑๒—๒๗ มีนาคม ๒๕๔๒ ณ วัดศาลาลอย

มีนาคม ๒๕๔๒

  • ๑๒-๒๗ มีนาคม ๒๕๔๒ ประชุมอบรมพระสังฆาธิการระดับเจ้าอาวาสใหม่ ในเขตปกครองคณะสงฆ์หนตะวันออก ณ วัดศาลาลอย พระอารามหลวง จังหวัดสุรินทร์ พระธรรมปริยัติโมลี เจ้าคณะภาค ๙ ประธานจัดการประชุมฯ แล้วกรมการศาสนา ออกวุฒิบัตรให้ไว้แสดงว่า พระมหาวีระ กิตฺติวณฺโณ วัดสะเดา ตำบลทุ่งมน ได้รับการถวายความรู้ตามโครงการฝึกอบรมเจ้าอาวาสใหม่ของสถาบันพัฒนาพระสังฆาธิการ รุ่นที่ ๒ ประจำปีพุทธศักราช ๒๕๔๑ ให้ไว้ ณ วันที่ ๒๗ เดือนมีนาคม พ.ศ.๒๕๔๒ ลงนามโดย อธิบดีกรมการศาสนา

พฤษภาคม ๒๕๔๒

  • พ.ค. พ.ศ. ๒๕๔๒. เริ่มดำเนินกิจกรรม กองทุนเฉลี่ยบุญ
  • พ.ค. 2542 เริ่มสร้าง ศรช. ศูนย์การเรียนรู้เฉลิมพระเกียรติตำบลทุ่งมน
  • พฤษภาคม-กรกฎาคม ๒๕๔๒ ขอความอุปถัมภ์งบประมาณ จาก พระครูประสาทพรหมคุณ (หลวงปู่หงษ์ พรหมปญฺโญ) ก่อสร้างอาคารศูนย์การเรียนชุมชน ณ วัดสะเดา งบประมาณ ๒๐๐,๐๐๐ บาท

กรกฎาคม ๒๕๔๒

  • ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๔๒ หนังสือที่ สร๐๓๑๘/ ที่ว่าการอำเภอปราสาท นมัสการ พระภิกษุวีระ ได้ทุกทาง เรื่องขอเชิญประชุม ด้วยสภากาชาดไทย ได้อนุมัติให้จัดตั้งกิ่งกาชาดอำเภอปราสาท ตั้งแต่วันที่ ๗ มิถุนายน ๒๕๔๒ ขอเชิญประชุมวันที่ ๑๙ กรกฎาคม ๒๕๔๒ เวลา ๑๖.๐๐ น. ณ ห้องประชุมสุขบท ที่ว่าการอำเภอปราสาท

กันยายน ๒๕๔๒

  • กันยายน พ.ศ. ๒๕๔๒ พระมหาวีระ กิตฺติวณฺโณ เขียนบทความ “ทิศทางบทบาทของพระสงฆ์กับสังคมแห่งการเรียนรู้”

ทิศทาง บทบาทของพระสงฆ์เรา

ที่ควรจะเตรียมความพร้อมกับการที่มีการปฏิรูปการศึกษาไทยทั้งระบบ พัฒนาสังคมไทยให้เป็น “สังคมแห่งการเรียนรู้” สอดคล้องกับการศึกษาแห่งชาติ ความหมายของการศึกษาที่มาในกฎหมายการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒
“การศึกษา” หมายความว่า กระบวนการเรียนรู้เพื่อความเจริญงอกงามของบุคคลและสังคมโดยการถ่ายทอดความรู้ การฝึก การอบรม การสืบสานทางวัฒนธรรม การสร้างสรรค์จรรโลงความก้าวหน้าทางวิชาการ การสร้างองค์ความรู้อันเกิดจากการจัดสภาพแวดล้อมสังคม การเรียนรู้แลปัจจัยเกื้อกูลให้บุคคลเรียนรู้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต
“การศึกษาตลอดชีวิต” หมายความว่า การศึกษาที่เกิดจากการผสมผสานระหว่างการศึกษาในระบบ การศึกษานอกระบบและการศึกษาตามอัธยาศัย เพื่อสามารถพัฒนาคุณภาพชีวิตได้อย่างต่อเนื่องตลอดชีวิต


ความคิดเห็นของนักการศึกษาทางพระสงฆ์

พระราชวรมุนี (ประยูร ธมฺมจิตฺโต) อธิการบดี ม.มจร.
วัตถุประสงค์หลักของพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ อยู่ที่การปฏิรูปการศึกษาไทยทั้งระบบ ก็มีหลายมาตราที่มีผลกระทบต่อการจัดการศึกษาของคณะสงฆ์และการดำเนินกิจการของคณะสงฆ์โดยรวม
เป้าหมายหลักของการปฏิรูปการศึกษาแห่งชาติตามพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ ก็คือการพัฒนาสังคมไทยให้เป็น สังคมแห่งการเรียนรู้ เพื่อให้บรรลุถึงเป้าหมายที่ทำให้สังคมไทยเป็นสังคมแห่งการเรียนรู้ มาตรา ๘ แห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ จึงบัญญัติไว้ว่า “ มาตรา ๘ การจัดการศึกษาให้ยึดหลัก ดังนี้
(๑) เป็นการศึกษาตลอดชีวิตสำหรับประชาชน
(๒) ให้สังคมมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา
(๓) การพัฒนาสาระและกระบวนการเรียนรู้ให้เป็นไปอย่างต่อเนื่อง”
พระราชาบัญญัติการศึกษาแห่งชาติฉบับนี้ให้ความยืดหยุ่นในการจัดการศึกษาไว้ ๓ รูปแบบ คือ
๑ การศึกษาในระบบ
๒ การศึกษานอกระบบ และ
๓ การศึกษาตามอัธยาศัย
ประเด็นที่น่าสนใจก็คือโรงเรียนหรือสถานศึกษาอาจจัดการศึกษาในรูปแบบใดรูปแบบหนึ่งหรือทั้งสามรูปแบบไปพร้อมกันก็ได้
การมีส่วนร่วมของคระสงฆ์ในการจัดการศึกษา วิธีดีที่สุด ที่คณะสงฆ์จะมีส่วนในการสอนศีลธรรมแก่เด็กก็คือการจัดตั้งโรงเรียนหรือศูนย์การเรียนในวัด พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ เปิดกว้างให้ทุกฝ่ายมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษา ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๙ “การมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์การชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบันสังคมอื่น”
ข้อความนี้หมายความว่าสถาบันศาสนาซึ่งหมายถึงวัดในพระพุทธศาสนา โบสถ์ในศาสนาคริสต์ และมัสยิดในศาสนาอิสลาม ล้วนมีโอกาสเท่าเทียมกันในการขอจัดตั้งศูนย์การเรียน
ศูนย์การเรียนเป็นสถานศึกษาอย่างหนึ่ง “สถานศึกษา” หมายความว่า สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย โรงเรียน ศูนย์การเรียน วิทยาลัย สถาบัน มหาวิทยาลัย หน่วยการศึกษา หรือหน่วยงานอื่นของรัฐหรือเอกชน ที่มีอำนาจหน้าที่หรือมีวัตถุประสงค์ในการจัดการศึกษา ตาม พรบ.การศึกษาแห่งชาติ
มาตรา ๑๘ ตาม พรบ.การศึกษาแห่งชาติ ว่า “การจัดการศึกษาปฐมวัยและการศึกษาขั้นพื้นฐานให้จัดในสถานศึกษา ดังต่อไปนี้
(๑) สถานพัฒนาเด็กปฐมวัย
(๒) โรงเรียน
(๓) ศูนย์การเรียน ได้แก่ สถานที่เรียนที่หน่วยงานจัดการศึกษานอกโรงเรียน บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์การชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ โรงพยาบาล สถาบันทางการแพทย์ สถานสงเคราะห์ และสถาบันสังคมอื่นเป็นผู้จัด


ทรัพยากรเพื่อการจัดการศึกษา

เมื่อดำเนินการจัดตั้งโรงเรียนหรือศูนย์การเรียน วัดอาจของบลงทุนเพื่อสร้างอาคารสถานที่จากรัฐบาล หรือระดมทุนจากการบริจาคทั่วไป ผู้บริจาคทรัพย์เพื่อบำรุงการศึกษา มาตรา ๑๔ ว่า “บุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์กรชุมชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการ และสถาบันสังคมอื่น ซึ่งสนับสนุนหรือจัดการศึกษาขั้นพื้นฐานมีสิทธิ์ประโยชน์ตามสมควรแก่กรณี” มาตรา ๒๗ วรรคสองแห่งพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ พ.ศ.๒๕๔๒ ว่า “ให้สถานศึกษาขั้นพื้นฐานมีหน้าที่จัดทำสาระของหลักสูตรตามวัตถุประสงค์ในวรรคหนึ่งในส่วนที่เกี่ยวกับสภาพปัญหาในชุมชนและสังคม ภูมิปัญญาท้องถิ่น คุณลักษณะอันพึงประสงค์เพื่อเป็นสมาชิกที่ดีของครอบครัว ชุมชน สังคมและประเทศชาติ”
จากมาตรา ๒๗ วรรคสองนี้ เปรียบเทียบกับวัดทั่วไป การดำเนินการตามวัตถุประสงค์นี้เดิมก็อยู่กับวัดนั่นเอง ถึงไม่มีกฎหมายนี้ หรือทางวัดไม่เข้าใจเรื่องของการจัดการศึกษา วัดเองก็น่าจะสามารถดำเนินการอบรมประชาชนสร้างบทบาทขึ้นเองได้
ข้อเท็จจริง วัดมีบทบาทจัดการศึกษาอบรมประชาชนในชุมชนมาตั้งแต่เดิมแล้ว เพียงว่าปัจจุบัน วัดเกิดความชำนาญการลดลงเท่านั้น แต่ก็มีบางวัดที่มีบทบาทเหมือนเดิมเพราะมีการฝึกปรือ อยู่บ่อย ๆ นั่นเอง ยังไม่สายเมื่อเราจะเริ่มขึ้นใหม่

ศูนย์การเรียนชุมชนเฉลิมพระเกียรติทุ่งมน

โอกาสที่มาถึง ศักยภาพที่รองรับ ทิศทางแห่งการแก้ปัญหาของคนทั้งมวล
ศูนย์การเรียน (ตามหลักวิชาการ)
ศูนย์การเรียน คือการจัดบรรยากาศที่ส่งเสริมการเรียนรู้ของผู้เรียนโดยมุ่งให้ผู้เรียนศึกษาค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเองจากโปรแกรมการเรียน ซึ่งจัดไว้ในรูปของชุดการเรียนการสอนเป็นรายบุคคลหรือกลุ่ม ภายใต้การดูแลของผู้สอน
การเรียนแบบศูนย์การเรียน จะจัดเป็นกลุ่มกิจกรรม ผู้เรียนจะหาประสบการณ์การเรียนรู้ด้วยการประกอบกิจกรรม
คำว่าศูนย์การเรียนชุมชน
เป็นลักษณะใหม่ที่เปิดโอกาสให้ชุมชนเรียนรู้ตามความต้องการ เพื่อแก้ปัญหาในชีวิตประจำวัน เรียนรู้เพื่อมีชีวิตที่ดีขึ้น มีการพัฒนาคุณภาพชีวิต เป็นการถ่ายทอดภูมิปัญญาท้องถิ่น การศึกษาที่ชุมชนสามารถจัดการศึกษาเองได้ ซึ่งกฎหมายการศึกษาแห่งชาติเปิดโอกาสเต็มที่ ดังที่บัญญัติไว้ในมาตรา ๙ (๖) “การมีส่วนร่วมของบุคคล ครอบครัว ชุมชน องค์การชุมชน องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น เอกชน องค์กรเอกชน องค์กรวิชาชีพ สถาบันศาสนา สถานประกอบการและสถาบันสังคมอื่น”
คำว่า เฉลิมพระเกียรติ เพราะเริ่มก่อร่างสร้างตัวในปี ๒๕๔๒

พฤศจิกายน ๒๕๔๒

  • ๒๔ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ หนังสือจากสมาคมกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตตำบลทุ่งมน นมัสการ พระมหาวีระ กิตฺติวณฺโณ เรื่องขอเชิญประชุม เพื่อทำประชาพิจารณ์เกี่ยวกับศูนย์อนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมพื้นบ้านทุ่งมน-สมุด ๒ ตำบล คณะกรรมการเห็นความสำคัญในการพัฒนาชนบทที่เน้นให้ประชาชนได้มีส่วนร่วมในการพัฒนาชนบทด้วยตนเองอันเป็นแนวทางที่สามารถทำให้ชุมชนมีความเข้มแข็งมากขึ้น การประชุมครั้งนี้เพื่อขอเสนองบประมาณสนับสนุนจากกองทุนชุมชนหรือกองทุนเพื่อการลงทุนทางสังคม(SIF) ขอเชิญประชุมวันที่ ๒๗ พฤศจิกายน ๒๕๔๒ เวลา ๐๙.๐๐ น.-๑๖.๐๐ น. ณ ศาลาเอนกประสงค์องค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งมน โดยคณะกรรมการเห็นว่าท่านเป็นผู้หนึ่งที่มีความสำคัญยิ่งในการพัฒนาชุมชน ลงนามโดย นายเปือง สันทัยพร ประธานกรรมการอำนวยการสมาคมกลุ่มออมทรัพย์เพื่อการผลิตตำบลทุ่งมน

ธันวาคม ๒๕๔๒

  • ๖ ธันวาคม ๒๕๔๒ ออกหนังสือบอกบุญ “เจริญพร อาตมภาพได้วางแผนทิศทางที่จะดำเนินการของวัดสะเดาเป็นภาพกว้างๆไว้แล้วอย่างชัดเจนขึ้น ทั้งนี้จะมีการประยุกต์หลักธรรมคำสั่งสอนทางพระพุทธศาสนามาใช้ในการดำเนินงานเพื่อให้เกิดความไพบูลย์ในทางพระพุทธศาสนาตามความเหมาะสมต่อไป ในโอกาสนี้ทางวัดต้องการเพิ่มประสิทธิภาพคุณภาพในการบริหารจัดการให้เป็นไปด้วยดีและชักชวนชาวพุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้ร่วมอุปถัมภ์การดำเนินงานของทางวัดทั้งเป็นการสั่งสมบุญกุศลบารมีให้เกิดขึ้นแก่ชาวพุทธศาสนิกชนเองด้วยจึงขอบอกบุญขอความร่วมมือจากโยมได้เป็นผู้ชักชวนบอกบุญหาเจ้าภาพคือประธานกรรมการรองประธานกรรมการและกรรมการในการทอดผ้าป่าครั้งนี้

ด้วยวัตถุประสงค์
1. เพื่อบอกบุญชักชวนชาวพุทธศาสนิกชนได้บำเพ็ญทาน
2. เพื่อบอกบุญชาวพุทธศาสนิกชนได้ร่วมกันอุปถัมภ์เกื้อกูลค้ำจุนพระพุทธศาสนา
3. เพื่อจัดซื้ออุปกรณ์คอมพิวเตอร์จำนวน 1 เครื่อง
4. เพื่อการดำเนินกิจการอื่นๆของทางวัด

มกราคม ๒๕๔๓

  • ๒๙ มกราคม ๒๕๔๓ ทอดผ้าป่าสามัคคี เพื่อซื้อคอมพิวเตอร์ สำหรับศูนย์การเรียนชุมชนเฉลิมพระเกียรติตำบลทุ่งมน มีพันธกิจ คือ เสริมสร้างสังคมแห่งการเรียนรู้และสนับสนุนความเข้มแข็งของชุมชน

๑. สนับสนุนการรวมกลุ่ม ทำงานเป็นกลุ่มและเครือข่าย ๒. สนับสนุนการใช้ภูมิปัญญาชาวบ้านคู่กับเทคโนโลยี
๓. สนับสนุนศักยภาพในการพึ่งพาตนเอง พัฒนายั่งยืน
๔. สนับสนุนการลดการใช้จ่าย มีการเพิ่มรายได้ มีการเก็บออม
๕. สนับสนุนให้มีความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ ทุ่มเท เสียสละ
๖. สนับสนุนวิถีชีวิตชาวบ้าน ชีวิต ครอบครัว ชุมชน สังคม ที่ประกอบด้วย คุณธรรม ศีลธรรม

  • 31 ม.ค.2543 ซื้อคอมพิวเตอร์ เครื่องแรก รวมอุปกรณ์อื่น ๆ 41,500 บาท

กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓

  • ๗-๑๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ ส่งบุคลากรเข้าอบรมแพทย์แผนไทย ที่โรงพยาบาลกาบเชิง จำนวน ๖ คน นางเปรียบ ปานะโปย นายโกศล แก้วรัตน์ นางสำอางค์ สายสู่ นางสาวสำราญ ครองชื่น นางสาวฉวี เอ็มประโคน และ นางสาวสาคร โย้ประโคน ( ปัจจุบัน บุคลากร ๒ คน ที่สามารถนำความรู้มาบริการชุมชนได้อย่างจริงจัง และ เป็นต้นแบบด้านการพึ่งพาตนเอง มีการผลิตยาสมุนไพร ของใช้ในครัวเรือน )
  • ๑๗ กุมภาพันธ์ – ๙ มีนาคม ๒๕๔๓ จัดโครงการศึกษาและสำรวจป่า “กำไสจาน” กับประชาชน ๑๙ หมู่บ้าน ๒ ตำบล จำนวน ๘ จุดดำเนินการ
  • ๒๐ กุมภาพันธ์ ๒๕๔๓ ประชุมประเมินผลการดำเนินงาน จัดโครงการศึกษาและสำรวจป่า “กำไสจาน” ณ สถานีอนามัยตำบลทุ่งมน


พฤษภาคม ๒๕๔๓

  • พฤษภาคม ๒๕๔๓ แนวคิดในการตั้งกฎ กติกา ระเบียบ ข้อบังคับ ของพระภิกษุสามเณรวัดสะเดา จากที่กุลบุตรได้เลื่อมใสในบวรพระพุทธศาสนา หวังได้พระธรรมคำสั่งสอนเป็นเครื่องขัดเกลาจิตใจฝึกฝนพัฒนาตนเองให้เป็นมนุษย์ที่สมบูรณ์ ส่วนหนึ่งจะเป็นที่ยอมรับของชุมชนสังคมในอนาคตหรือแสวงหาเป้าหมายชีวิตที่แท้จริงจึงสละเวลาอุทิศตนครองผ้ากาสาวพัตร์ ดำรงสมณเพศอยู่ในพระธรรมวินัยในธรรมวินัยนี้ กุลบุตรต้องฝึกฝนอบรมจิตใจตนเองอย่างมาก ตามหลักแนวทางพระพุทธศาสนาเพื่อจะบรรลุวัตถุประสงค์ของการบวชจึงควรให้กุลบุตรได้รับการฝึกฝนศีลาจารวัตรของพระภิกษุสงฆ์ ให้มีความงดงามสมดังสมณะ(ผู้สงบ) และคุณประโยชน์อื่น จึงต้องวางกฎกติการะเบียบข้อบังคับให้รับทราบเป็นเบื้องต้นอาจจะเป็นการกลั่นกรองบุคคลเข้าบวชพร้อมที่จะฝึกฝนอบรมตนเองเต็มความสามารถต่อไป

เมื่อกุลบุตรบวชครองผ้ากาสาวพัตร์ ภาพนักบวชก็มีอิทธิพลทางจิตใจ เป็นบทบาทที่สัมพันธ์ต่อตนเอง หมู่คณะ วัด ครอบครัว ชุมชน สังคม และพระพุทธศาสนา กุลบุตรได้รับบทบาทที่สูงส่ง หน้าที่ความรับผิดชอบสาธารณะจำต้องเกิดขึ้น และละเลยไม่ได้เพื่อความพร้อมในความก้าวหน้าสู่ชีวิตสมณะมีสติปัญญาคุณธรรมบารมีบริบูรณ์มากขึ้น พอเพียงต่อการปฏิบัติหน้าที่สูงส่งนี้ กุลบุตรพึงได้รับการฝึกฝนอบรมขัดเกลาจิตใจเตรียมความพร้อมก่อนบวชก่อนบวชอยู่วัดไม่น้อยกว่า 10 วันสมาทานศีล 8 อย่างเคร่งครัด
กลั่นกรองรับรองกุลบุตรผู้จะบวชในพระพุทธศาสนา วัดสะเดา ตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาทจังหวัดสุรินทร์ เนื่องด้วยการพัฒนามนุษย์มักจะมีปัญหาอุปสรรคมากเกินควรการพัฒนามนุษย์จึงยากที่จะบรรลุถึงเป้าหมายได้ตามที่ควรจะเป็น การพัฒนาศาสนบุคคลมีความสำคัญยิ่งต่อจุดมุ่งหมายของสังคมศาสนา วัดสะเดาเป็นสถาบันหนึ่งมีบทบาทหน้าที่ขัดเกลาสังคม ทางวัดต้องการพัฒนาบุคลากรศาสนบุคคลให้มีความสมบูรณ์ขึ้น จึงขออาศัยกลไกทางสังคมเข้ามาร่วมกระบวนการพัฒนาขอความร่วมมือจากท่านผู้นำชุมชนผู้ทรงคุณวุฒิผู้ปกครองได้ช่วยเป็นหูเป็นตาพิจารณากลั่นกรองผู้จะบวชถ้าท่านเห็นควรแล้วก็ให้การรับรองในการเข้าบวชและเมื่อผ่านการกลั่นกรองให้การรับรองแล้วท่านผู้นำชุมชนผู้ทรงคุณวุฒิผู้ปกครองก็จะได้ร่วมรับผิดชอบในอนาคตต่อไป
ให้กุลบุตรที่เข้าบวชถือหนังสือสำคัญนี้ ไปหาท่านผู้นำชุมชนผู้ทรงคุณวุฒิผู้ปกครองให้การพิจารณากลั่นกรอง วัตถุประสงค์ 1. เพื่อให้กุลบุตรได้ฝึกความรับผิดชอบต่อ ตนเอง ครอบครัว สังคมประเทศชาติ ศาสนา 2. เพื่อให้กุลบุตรได้ฝึกการขอความร่วมมือจากบุคคลอื่นด้วยความอ่อนน้อมถ่อมตน 3. เพื่อให้กุลบุตรได้ฝึกให้เกิดจิตสำนึกที่จะให้ความร่วมมือแก่สังคมส่วนรวมด้วยความไม่เห็นแก่ตัว 4. เพื่อให้กลบทได้ลดมานะทิฏฐิ มองเห็นบุคคลในสังคม สิ่งแวดล้อมมีส่วนร่วมอย่างสำคัญในการพัฒนาตน 5. เพื่อกุลบุตรได้ฝึกปฏิบัติหน้าที่ด้วยความอดทน กล้าหาญ กล้าแสดงออกในทางที่ดี 6. เพื่อให้กุลบุตรได้ตระหนักในบทบาทหน้าที่การรับผิดชอบในการครองสมณเพศต่อไป 7. เพื่อฝึกให้กุลบุตรเป็นคนมีวินัยยอมรับกฎระเบียบ กฎกติกาหมู่คณะ สามารถปรับตัวเข้าหาผู้อื่นได้โดยง่าย 8. เพื่อให้สังคมได้ช่วยกันดูแลทำหน้าที่ร่วมรับผิดชอบสร้างบทบาทในการสถานที่ดีให้เกิดขึ้นในสังคมก้าว 9.เพื่อบูรณาการสังคมให้เป็นสังคมแห่งการเรียนรู้

มิถุนายน ๒๕๔๓

  • ๒๓ มิถุนายน ๒๕๔๓ พระมหาวีระ กิตฺติวณฺโณ เข้าเฝ้าสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อรับเข็ม “สธ” ณ บริเวณห้องสมุดประชาชน “เฉลิมราชกุมารี” อำเภอท่าตูม จังหวัดสุรินทร์
  • มิถุนายน - กันยายน ๒๕๔๓ พระมหาวีระ กิตฺติวณฺโณ ตัวแทนพื้นที่ป่าชุมชนกำไสจาน เป็นคณะกรรมการเครือข่ายป่าชุมชนจังหวัดสุรินทร์ ในโครงการพัฒนาศักยภาพองค์กรชุมชนในการจัดการทรัพยากรป่าไม้จังหวัดสุรินทร์ ซึ่งได้สนับสนุนงบประมาณจากกองทุนเพื่อการลงทุนทางสังคม (SIF) ในการดำเนินโครงการเบื้องต้นนี้เพื่อจัดทำโครงการของแต่ละพื้นที่เสนอต่อกองทุนเพื่อการลงทุนทางสังคม (SIF) ป่าชุมชนกำไสจาน เป็นพื้นที่เป้าหมายในโครงการนี้ ซึ่งมีทั้งหมด ๓๑ แห่ง

๑๔ กรกฎาคม ๒๕๔๓

  • ๑๔ กรกฎาคม ๒๕๔๓ ได้รับการแต่งตั้งเป็นคณะทำงานศูนย์เยาวชนพระยาสุรินทร์ภักดีจังหวัดสุรินทร์ ฝ่ายวิชาการ/วิทยากร/กิจกรรมนันทนาการและการออกกำลังกาย ฝ่ายบรรพชิต โดยคำสั่งศูนย์ป้องกันและปราบปรามยาเสพติดจังหวัดสุรินทร์
  • ๒๒ - ๒๓ กรกฎาคม ๒๕๔๓ เยาวชน และกรรมการป่าชุมชนกำไสจาน จำนวน ๑๕ คน ร่วมกิจกรรมสัมมนาเชิงปฏิบัติการความร่วมมือในการจัดการทรัพยากรป่าชุมชน ของเครือข่ายป่าชุมชนจังหวัดสุรินทร์ ที่วัดสามัคคี อ.เมือง จ.สุรินทร์
  • ๒๙ – ๓๐ กรกฎาคม ๒๕๔๓ เยาวชน และกรรมการป่าชุมชนกำไสจาน จำนวน ๕ คน ร่วมกิจกรรมศึกษาดูงาน กับเครือข่ายป่าชุมชนจังหวัดสุรินทร์ ที่ป่าชุมชนโนนใหญ่ อ.ศรีสุวรรณ จ.ศรีสะเกษ
  • ๒๘ กรกฎาคม ๒๕๔๓ ประชุมระดมความเห็นต่อการจัดการป่าชุมชนกำไสจาน ณ วัดสะเดารัตนาราม

สิงหาคม ๒๕๔๓

  • ๑ สิงหาคม ๒๕๔๓ ศาลากลางจังหวัดสุรินทร์ ออกหนังสือ ลงวันที่ 1 สิงหาคม 2543 เรื่องโครงการอบรมถวายความรู้แก่พระสงฆ์ในการดูแลสุขภาพจิตของประชาชนจังหวัดสุรินทร์ปี 2543 นมัสการ พระมหาวีระ กิตติวัณโณ ด้วยจังหวัดสุรินทร์จะอบรมถวายความรู้แก่พระสงฆ์ในการดูแลสุขภาพจิตของประชาชนจังหวัดสุรินทร์ปี 2543 จำนวน 2 รุ่นรุ่นละ 90 รูป 2 วันรวม 80 รูปโดยอบรมระหว่างวันที่ 9-10 สิงหาคมณวัดศาลาลอยพระอารามหลวงในการนี้จึงขอกราบนิมนต์พระคุณท่านเข้าร่วมอบรมตามโครงการ
  • ๗ สิงหาคม ๒๕๔๓ จัดทำแผนการอนุรักษ์และฟื้นฟูป่าชุมชนกำไสจาน ณ วัดสะเดารัตนาราม หลังจากนั้นได้จัดการประชุมย่อยหลายครั้งอีก ณ บ้านนายพุฒ สายสู่
  • ๙-๑๐ สิงหาคม ๒๕๔๓ พระมหาวีระ กิตฺติวณฺโณ เข้าอบรมเรื่อง พระสงฆ์กับการดูแลสุขภาพจิตของประชาชนจังหวัดสุรินทร์ ณ วัดศาลาลอย
  • ๑๒ สิงหาคม ๒๕๔๓ อบต. ปลูกต้นไม้ เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ณ ถนนสายบ้านทุ่งมน – ตาอี

กันยายน ๒๕๔๓

  • ๘ – ๑๐ กันยายน ๒๕๔๓ สมาชิกพื้นที่ป่าชุมชนกำไสจาน จำนวน ๑๐ คน ร่วมงานมหกรรมการฟื้นป่าภาคประชาชน ที่ป่าชุมชนหนองเยาะ ต.ตาคง อ.สังขะ จ.สุรินทร์
  • ๑๑ กันยายน ๒๕๔๓ พระมหาวีระ กิตฺติวณฺโณ จัดทำเอกสารรูปเล่ม ชีวประวัติและร่องรอยการดำเนินงาน ผลงาน เพื่อเสนอเป็นกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานดีเด่น

คำนำ
ในการรวบรวมข้อมูล ชีวประวัติและการดำเนินงาน ผลงาน ของอาตมภาพในครั้งนี้เนื่องจากทางกลุ่มโรงเรียนตำบลทุ่งมนต้องการส่งกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานดีเด่นเสนอขึ้นไปที่หน่วยงานเหนือขึ้นไป ทางโรงเรียนบ้านทุ่งมนฯ ได้เสนออาตมภาพเป็นกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานดีเด่น ทั้งมีฐานะเป็นประธานกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านทุ่งมนฯ ด้วย จึงถวายมอบหมายให้อาตมภาพมาทำชีวประวัติและผลงานของตนเองขึ้น ด้วยเวลาที่กระชั้นชิดไม่สามารถที่จะจัดทำอย่างสมบูรณ์เหมาะสมได้ทันการณ์ จึงรวบรวมข้อมูลเก่าที่เคยเขียนไว้บ้างและร่องรอยอื่นบ้าง ซึ่งมีจำนวนมากพอสมควร ที่ได้รวบรวมมาเช่นนี้ถ้าแม้นว่าจะเกิดผลดีหรือมีประโยชน์ประการใดเกิดขึ้น ก็ขอให้เป็นไปเพื่อประโยชน์แก่การบูรณาการการศึกษาของคนทั้งมวล เพื่อเป็นพลังหนุนในการศึกษาที่ขจัดปัญหาของคนในสังคม เพื่อคุณภาพชีวิตของเด็กและเยาวชนอันเป็นที่รักและที่หวังของสังคมต่อไป

จะก้าวไปแม้ไฟจะไหม้โลก
จะก้าวไปแม้โชคจะหลีกหนี
จะก้าวไปแม้ใครไม่ใยดี
จะก้าวไปแม้มีคนนินทา
จะก้าวไปเพื่องานอันสร้างสรรค์
จะก้าวไปไม่หวั่นมวลปัญหา
จะก้าวไปเพื่อเผยแพร่ไฟพัฒนา
จะก้าวไปเพื่อการศึกษาของชาติไทย.
พระมหาวีระกิตติวัณโณ
ประธานกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านทุ่งมน

  • ๑๑ กันยายน ๒๕๔๓

ชีวประวัติและร่องรอยการดำเนินงานผลงาน
ของ พระมหาวีระ กิตฺติวณฺโณ
- เจ้าอาวาสวัดสะเดา
- ประธานดำเนินงานศูนย์การเรียนชุมชนเฉลิมพระเกียรติทุ่งมน
- วิทยากรร่วมดำเนินงานค่ายพุทธบุตรเพื่อชีวิตใหม่
- ที่ปรึกษาหน่วยชุมชนและมวลชนสัมพันธ์สถานีตำรวจภูธรตำบลทุ่งมน
- กรรมการที่ปรึกษาองค์การบริหารส่วนตำบลทุ่งมนกรรมการ
- คณะทำงานโครงการพัฒนาศักยภาพองค์กรชุมชนในการจัดการทรัพยากรป่าไม้จังหวัดสุรินทร์
- ตัวแทนป่าชุมชนคีรีวงกำไสจานเครือข่ายป่าชุมชนจังหวัดสุรินทร์
- ผู้ริเริ่มสร้างเครือข่ายเยาวชนเพื่อการพัฒนา
- ประธานกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนบ้านทุ่งมน(ริมราษฎร์นุสนณ์)
- กรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานโรงเรียนทุ่งมนวิทยาคาร

ร่องรอย เจ้าอาวาสวัดสะเดา
หวังสร้างวัดให้เป็นวัด
หวังสร้างพระให้พัฒนาตน
หวังสร้างคนเยาวชนให้เป็นคนดี
หวังสร้างสังคมเป็นสังคมพุทธะ
๑๑ ก.ย.๒๕๔๓

ตุลาคม ๒๕๔๓

  • ๑๙ ตุลาคม ๒๕๔๓ จัดตั้ง เครือข่ายเยาวชนพัฒนาท้องถิ่น เพื่อเป็นกลุ่มเยาวชนที่มีส่วนร่วมในการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม ป่าชุมชนกำไสจาน
  • ๒๓ – ๒๔ ตุลาคม ๒๕๔๓ คณะกรรมการป่าชุมชนกำไสจานได้ต้อนรับการจัดประชุมเพื่อจัดทำแผนเครือข่ายป่าชุมชนจังหวัดสุรินทร์ และศึกษาดูงานในพื้นที่ ณ วัดสะเดารัตนาราม ต.ทุ่งมน อ.ปราสาท จ.สุรินทร์ จำนวนกลุ่มเป้าหมายป่าชุมชน ๓๑ แห่ง

พฤศจิกายน ๒๕๔๓

  • ๒๕ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ สำนักงานการประถมศึกษาจังหวัดสุรินทร์ ออกใบประกาศเกียรติคุณฉบับนี้ให้ไว้เพื่อแสดงว่า พระมหาวีระ กิตติวัณโณ เป็นคณะกรรมการสถานศึกษาที่ปฏิบัติหน้าที่เป็นแบบอย่างตามหลักเกณฑ์และวิธีการประเมินของ สปช. ในโอกาสวันประถมศึกษาแห่งชาติ ประจำปี ๒๕๔๓
  • ๒๖ – ๒๘ พฤศจิกายน ๒๕๔๓ คณะกรรมการป่าชุมชนกำไสจานร่วมประชุมจัดทำแผนการจัดการป่าชุมชน ที่วัดโยธาประสิทธิ์ จ.สุรินทร์

ธันวาคม ๒๕๔๓

  • ๒๒ -๒๓ ธันวาคม ๒๕๔๓ คณะกรรมการป่าชุมชนกำไสจานเข้าสัมมนาวิชาการ เรื่อง ป่าทาม ป่าไทย ณ ศูนย์ฝึกอบรมมูลนิธิประสานความร่วมมือพัฒนาทุ่งกุลาห้องไห้ อ.เกษตรวิสัย จ.ร้อยเอ็ด


  • เมื่อเรารักษาสิ่งแวดล้อม สิ่งแวดล้อมจะดูแลเรา. เขียนไว้เมื่อพ.ศ. ๒๕๔๓
  • การช่วยเหลือสังคม เมื่อสังคมดีเราจะได้รับผลดีด้วย. เขียนไว้เมื่อพ.ศ. ๒๕๔๓
  • ความเห็นแก่ตัว ทำลายตนเองและสังคม. เขียนไว้เมื่อพ.ศ. ๒๕๔๓
  • สำรวจชุมชน สร้างคนศึกษา ใส่ใจจรรยา พัฒนาตนเอง. เขียนไว้เมื่อพ.ศ. ๒๕๔๓
  • ชุมชนเข้มแข็ง ท้องถิ่นน่าอยู่ สิ่งแวดล้อมคือชีวิต. เขียนไว้เมื่อพ.ศ. ๒๕๔๓


  • - แนะนำพ่อแม่ที่บวชลูกชาย ลดเรื่องเหล้า และค่าใช้จ่าย คนบวชต้องไม่เมาเหล้าในงานบวช พ.ศ. ๒๕๔๓