พัฒนาการความคิด ช่วงปี 2559
- 5 ก.พ.2559 ไปรัฐสภา ตัวแทนขบวนจังหวัดสุรินทร์ ประชาพิจารณ์ร่างรัฐธรรมนูญ 7
- ๒๐ พฤษภาคม ๒๕๕๙ บันทึก เรียงจิตใจ (๑)
(เรียงจิตใจ) เกิดมาชีวิตนี้มีคุณพ่อคุณแม่ให้ความรักอย่างเต็มปรี่ ความรักนี้เหนี่ยวนำพาให้เกิดพลังทางวีถีการคิด จึงคิดดีตอบแทนท่านกลายเป็นนิสัยเหมือนท่าน นึกคิดแต่ดีมองเห็นคุณต่าง ๆ ของคนสัตว์สิ่งแวดล้อม (หัวใจกตัญญู รักคนอื่น สิ่งอื่น เกิดความสุข) และเมื่อได้ตอบแทนก็เกิดสุข(ติดสุขหรือเปล่า) กลายว่าความสุขคนอื่นเป็นความสุขของตนด้วย ความทุกข์คนอื่นเป็นทุกข์ที่กระทบตนเช่นกัน (สัมผัสใจคนอื่นง่ายและเร็ว เข้าใจคนอื่นเร็วหรือเชื่อคนง่ายก็เป็นได้ เชื่อคนง่ายมักมาคู่เรียนรู้เร็ว เรียนรู้เร็วมักคู่กับความทุ่มเท ) ยิ่งปัจจุบัน ชีวิตพระเกิดจิตเมตตา กรุณา มุทิตา และ อุเบกขา อย่างมาก ความรับผิดชอบต่อเมตตา กรุณา มุทิตา อุเบกขา ล้นดวงใจ เคียงกับสภาวะทางเศรษฐกิจที่มาบีบการงาน สุดท้ายความรับผิดชอบสูงต่อหลักคิดที่ติดตัวมา บังคับจิตใจให้ต้องระวังตน พยายามนิ่งๆ ไว้ ช้าๆ ไว้ก่อน ต้องระวังมากว่าจะกระทบต่อหลักคิดตนที่มีมาพร้อมกับชีวิตนี้ หรือ เรียกว่า ขี้เกียจเข้าแทรกจิตใจก็ได้ ความขี้เกียจมีองค์ประกอบ ขี้เกียจยังมีที่มาที่ไป555 (นี่ขนาดนิ่ง ๆ ช้า ๆ นะ ตอนเต็มที่ขนาดไหน)
วิสาขะ ๒๐ พ.ค.๒๕๕๙
- ๒๑ พฤษภาคม ๒๕๕๙ บันทึก เรียงจิตใจ (๒)
ความจดจำแรกของชีวิต หวนกลับมาให้ระลึก มีใจคล้ายๆอย่างนั้น เป็นปมเขื่องสร้างนิสัยพื้นฐานเลย ความจำแรกของชีวิต มีสภาพแห่งใจคือ จิตใจที่อ่อนแอ ใจหาย ใจหวิว ขาดความอุ่นใจ ความว่า วันนั้นคุณพ่อและคุณแม่หายไป ไม่เห็นท่านนานทั้งวัน ใจโหยหาอย่างหนัก ใจหวิวแสดงออกด้วยการ ร้องไห้สุดเสียง ร้องเรียกพ่อและแม่อย่างยาวนาน นานๆๆ จนร้องไห้ไม่มีเสียง คงไว้เพียงสะอึกสะอื้น (วันสุดท้ายในชีวิตที่ร้องไห้เกิดเสียง) นำเรื่องนี้มาเล่า อยากบอกว่า การไม่ร้องไห้เลยจะเป็นคนที่แข็งหยาบกระด้าง การร้องไห้เป็นจะทำให้เป็นคนชอบคิดผลิตปัญญา อ่อนโยน แต่ถ้าร้องโวยวายจะเป็นคนเอาแต่ใจตนเอง แสดงออกเพื่อเรียกร้อง การร้องไห้มีคุณหรือโทษอยู่ที่ว่าปรุงแต่ง(สังขาร)เวทนาให้เป็นอย่างไร ไปทิศทางไหน การร้องไห้หรือการน้อยใจ เป็นวิธีป้องกันภัยตามสัญชาตญาณพื้นฐาน ผลที่ได้อาจรู้วิธีป้องกันภัยบ้าง การปรับใจบ้าง หรือสร้างกำลังใจเล็กๆเข้าแทนที่ความสูญเสีย
๒๑ พ.ค.๒๕๕๙
- ๒ มิถุนายน ๒๕๕๙ บันทึก เรียงจิตใจ (๓)
มามองมุมกลับกันดู จิตใจติดนิสัยโยมแม่มา ผู้ชายมีจิตใจเป็นแบบหญิงนั่นก็มิใช่จิตใจเป็นกระเทย ความจริงมีเพื่อน ๆ เรียนเรียกว่ากระเทยมาแต่สมัยเรียนประถมแล้วแต่ไม่รู้สึกว่าใช่ตามคำที่เขาเรียก ทั้งไม่เคยรู้ขัดใจ คือ ไม่ยินดีและไม่ยินร้ายในคำที่ถูกเรียก หลังจบประถมไม่มีใครเรียกอีก เพราะไม่ใช่ (การทำนายทายทักทางเฟสบุ๊ค ผลลัพธ์เกิดขึ้นจากระบบการเก็บข้อมูลแบบสถิติ จากข้อความที่โพสต์ เป็นหลักการตามวิทยาศาสตร์)
๒ มิถุนายน ๒๕๕๙
- 14 มิ.ย.2559 ประชุม กสทช. ที่อุบล พ่อเทือม นั่งรถด้วยไปทำพาสปอร์ตด้วย
- พ.ศ.๒๕๕๙ บันทึกแนวคิดการบริหาร/การทำงาน
- เพียรเพื่อพุทธศาสน์ ปราชญ์เพื่อศาสนิก
- ทำความดีเพื่อกระจายความดี มิใช่ทำความดีเพื่อดึงดูดความดีสู่ตัว
- มองออกไป ๆ ๆ ออกไปให้ไกลจากตน
- มองทุกงาน ทุกกิจกรรมเป็นของคนอื่น ของชุมชน ของสังคม ไม่ใช่ของเรา เราเป็นผู้สอดแทรกแนวคิดเข้าไปในบรรยากาศ ผลักให้งานเดิน ทำบทบาทหนุนเสริม ถ้าจะเป็นบทบาทนำ ก็นำเพียงถือธงนำ คอยประเมินความสำเร็จ คอยบอกความคืบหน้า
- มองนอกกรอบศาสนา คือ กิจกรรม หรืองาน ให้เป็นสิ่งที่อยู่นอกศาสนา ใช้คำสอนทางศาสนาแทรกเข้าไปในกิจกรรม หรือ งาน (พิธีกรรม กิจกรรม งาน เป็นอุปกรณ์สอนธรรม คำสอนเป็นบรรยากาศขณะทำงาน ทำอุปกรณ์)
- กิจกรรม งาน ไม่ต้องตอบโจทย์ศาสนา แต่คำสอนทางศาสนาหรือศาสนาตอบโจทย์ชุมชน หรือสังคม
- วัดเป็นของชุมชน เจ้าอาวาสบริหารวัดให้ชุมชนเป็นเจ้าของ ให้เจ้าของมาทำกิจกรรมร่วมกัน เพื่อชุมชนขัดเกลากันและกัน ให้หลักธรรมได้แทรกอยู่ในขณะผู้คนทำกิจกรรม ทำงาน
- ยกความดีให้ชุมชน สมณศักดิ์พระครู เป็นคุณความดีของชุมชน
- ทำดียกใจโยม ระวังทำดีให้โยมมาบำเรอตน
- ขอความอุ่นใจเพียงปัจจัย ๔ เพื่อดูแลธาตุ ๔ ในร่างกายนี้ให้สมดุล
- ยึดหัวใจกตัญญู ไม่ใช่บนบาน การทำ พูด คิด ในสถานการณ์ สภาวะ ที่อยู่ขณะกตัญญู มากกว่าการให้รางวัล ผลตอบแทน หรือ เอาอกเอาใจ
- ไม่ต้องเอาใจใคร เพราะงานทุกงานเป็นของสังคม เราเป็นผู้ขอบคุณ กตัญญู ด้วยกาย วาจา ใจ มีวัตถุหรือ ไม่มีวัตถุ ก็ตาม
- สร้างสังคมสังฆะ มุ่งประโยชน์มหาชนมากว่าปัจเจกชน หรือประโยชน์ปัจเจกชนก็ต้องเป็นประโยชน์เกื้อกูลต่อมหาชน
- ๑๕ กรกฎาคม ๒๕๕๙ บันทึกวัด องค์กรพระพุทธศาสนาในสังคมประชาธิปไตยสมัยใหม่
แนวทางในการบริหารวัดด้วยธรรมาภิบาล คือ เปิดเผยรายรับรายจ่ายประจำวันเป็นปัจจุบันผ่านเว็บไซด์ จัดทำแผนบริหารและพัฒนาวัด ระยะ ๑ ปี ระยะ ๓ ปี และระยะ ๑๐ ปี ถ้าแผนไม่ออกมา เจ้าอาวาสไม่พึงทำการใด ๆ ยศบรรดาศักดิ์ เป็นของวัดและเป็นของชุมชน มิใช่ของพระภิกษุ ก ข ค ง (ปรับตัวจากง่ายไปหายาก จากสิ่งที่เป็นมีอยู่สู่เรื่องที่ยังไม่มี)
๑๕/๗/๒๕๕๙
- (ร่าง) ธรรมนูญวัดสะเดารัตนาราม ๑๖/๗/๒๕๕๙
๑. ธรรมนูญวัดสะเดารัตนาราม ได้มาโดยการฟังความคิดเห็นของชุมชนและผู้รู้/นักคิด /ปราชญ์สังคมยุคศีลธรรมสมัยใหม่ และผ่านการเห็นชอบของพระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา ชุมชนวัดสะเดารัตนาราม
๒. การบริหารจัดการวัดสะเดารัตนาราม บริหารจัดการแบบองค์กรชาวพุทธ เป็นพุทธบริษัท คือ พระภิกษุ สามเณร อุบาสก อุบาสิกา เจ้าอาวาสช่วยกำกับวัดให้เป็นไปตามธรรมนูญวัด
๓. ให้จัดทำ/ให้มี แผนบริหารจัดการและพัฒนาวัดสะเดารัตนาราม เป็น ๓ ระยะ คือ ระยะ ๑ ปี ระยะ ๓ ปี และระยะ ๑๐ ปี โดยมีการปรับปรุงแผนฯทุกปี การจัดทำแผนฯ มีการรับฟังและมีส่วนร่วมของชุมชนมากที่สุด
๔. วัดยึดมั่นในวิธีการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ๖ วิธี ตามพุทธโอวาทปาฏิโมกข์ แต่ไม่ขัดแย้งกับการทำหน้าที่กัลยาณมิตรด้วยหัวใจเป็นมนุษย์
๕. วัดใช้กระบวนการชุมชน หรือกระบวนการชุมชนดั้งเดิม ช่วยขัดเกลาบุคลิกภาพพระภิกษุ สามเณร ในบรรยากาศการเรียนรู้ร่วมกัน เรียนรู้ในระนาบเดียว สร้างชุมชนแห่งการเรียนรู้
๖. การเขียนธรรมนูญวัดสะเดารัตนาราม เป็นลายลักษณ์อักษรได้เท่าที่จำเป็นที่สุด ธรรมนูญวัดที่ไม่เป็นลายลักษณ์อักษรจำนวนมากให้สอดคล้องกับหลักธรรม มโนสำนึกแห่งความเป็นมนุษย์ หลักมนุษยธรรม สอดคล้องกับธรรมชาติและสถานการณ์ ตระหนักให้ธรรมนูญวัดเป็นแนวทางวิถีชุมชน วิถีวัฒนธรรมชุมชน วิถีวัฒนธรรมแห่งการขัดเกลาเรียนรู้ ปรับตัวง่าย ๆ
๗. หลักธรรมสำคัญในการบริหารจัดการวัด มี ธาตุ ๔ ขันธ์ ๕ ไตรลักษณ์ ๓ อริยสัจ ๔ ปัจจัย ๔ เป็นตัน
- ๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙ บันทึก
จะบอกว่า ถ้าชุมชนออกแผนแผนบริหารจัดการและพัฒนาวัดสะเดารัตนาราม ๓ ระยะ คือ ๑ ปี ๓ ปี ๑๐ ปี ได้
หลวงพี่อาจจะขยันกลับมา ตอนนี้เจอทางตัน เหมือน ปี ๓๖ เจอทางตันในการพัฒนาวัด เลยต้องออกไปเรียน ตอนนี้มีความรู้มาก มีประการณ์มาก แต่มาเจอทางตันอีก เดินต่อไม่ได้ วัดเจริญกว่าชุมชน ความรู้ล้ำหน้า ชุมชนตามไม่ทัน ถ้าทำทำต่อไป ก็จะมีผลเสีย ไม่คุ้มกับที่ควรจะได้ ชุมชนต้องร่วมวางแผนอย่างมีขั้นตอนจึงไปได้อีก สิ่งที่ทำมาแล้ว แต่ออกจะไม่ยั่งยืน ในอนาคต ศีลธรรมสมัยใหม่ต้องปรับเปลี่ยนกระบวนการ เขียนแผนร่วมกันแล้วเดินตามแผน จึงจะยั่งยืน แผนก็ต้องมาจากการยอมรับของคนจำนวนมากก่อน เลยต้องรอแผน รอความพร้อม ตัน เลยไปไม่ถูก คงจะเริ่มพิมพ์ให้อ่านก่อน หลวงพี่เขียนแผนให้ แต่ความคิดต้องออกจากชุมชน มาจากโยม ๆ จำนวนมาก หลวงพี่เขียนให้ จัดกระบวนการให้ เมื่อแผนออกก็กำกับให้บรรลุแผน โยมๆ อยากให้วัดเป็นอย่างไร ยอมรับกันไหม ระยะเวลาที่ทำ ทำอย่างไร ใครร่วมทำบ้าง หลวงพี่คอยกำกับแผน ตามที่ตกลงกันไว้ ที่ผ่านมาจัดว่าทดลองทำกัน หลวงพี่จะพยายามไม่ลงมือทำเอง จะกำกับทิศทางให้เป็นตามแผน สอบถาม ไต่ถามแทน
๑๗ กรกฎาคม ๒๕๕๙
- ๒๒ กรกฎาคม ๒๕๕๙ สั่งวัสดุอุปกรณ์ก่อสร้าง และของอุปโภค จากร้านสหกิจรวมวัสดุ ให้วัดปราสาทผะอ็อง จ.อุดรมีชัย มูลค่า ๙๙,๕๗๐ บาท
- ๒๕ สิงหาคม ๒๕๕๙ บันทึก ทาง ร.ร.ทุ่งมนวิทยาคาร จะขอกราบนมัสการให้เป็นกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ในนามผู้แทนพระภิกษุสงฆ์ ได้ไหม..... ทาง ร.ร.ขอคำตอบพรุ่งนี้
เนื่องด้วยได้วางแนวทางวัดไว้ว่า การบริหารวัดต่อไปจะเป็นแบบมีส่วนร่วมจากชุมชนมากขึ้นมากที่สุด "สภาพุทธบริษัท4" การตัดสินใจของเจ้าอาวาสใด ๆ ย่อมผูกพันญาติโยมด้วย หรือ ญาติโยมต้องรองรับการตัดสินใจ หรือการดำเนินงานใด ๆ ตามแนวคิดของเจ้าอาวาสได้
การเข้าไปเป็นกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน จึงต้องเข้าไปในนามวัด นามญาติโยม การตัดสินใจใด ๆ กับสถานศึกษา สมควรเป็นความคิดเห็นจากฐานคิดของชุมชน ญาติโยมด้วย
จึงขอความเห็นญาติโยมที่สนับสนุนให้เข้าไปเป็นกรรมการสถานศึกษาในครั้งนี้ จำนวนไม่น้อยกว่า ๕๐ ท่าน โดยการลงชื่อรับรองเป็นลายลักษณ์ด้วย
๒๕/๘/๒๕๕๙
- ๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๙ บันทึกแนวทางจัดงาน
๑๔-๒๐ ก.พ.๒๕๖๐ งานผูกพัทธสีมาฝังลูกนิมิต วัดสะเดารัตนาราม ภาพงานจะออกโทนงานบุญเชิงอบรมพัฒนา และวัฒนธรรมชุมชน เพิ่มน้ำหนักพาครอบครัวทำบุญ มีการจัดปฐมนิเทศน์ ชมนิทรรศการ ก่อนเข้างานบุญ ทานข้าวล้างจานเอง มีการจัดประชุมอบรมคนทำงานต่อเนื่อง อุบาสิกาเสื้อขาว เยาวชนอาสาสมัครงานบุญ มีการมอบเกียรติบัตรที่ออกในนามสภาวัฒธรรมจังหวัดสุริทร์ ลงนามโดย เจ้าคณะจังหวัดสุรินทร์ ปธ.สภาวัฒนธรรมจังหวัด และตัวแทนขบวนองค์กรชุมชนจังหวัด แผ่นเกียรติบัตรติดรูปเจ้าคณะจังหวัด ประธานสภาวัฒนธรรม และภาพครอบครัวพากันทำบุญ ขอมอบวัตถุมงคลให้รถยนต์ทุกคันแขวนหน้ารถ ด้วยน้ำใจจากชุมชน
๓๐ สิงหาคม ๒๕๕๙
- ๓๑ สิงหาคม ๒๕๕๙ บันทึกแรงคิด
การคมนาคมใดๆ ทางบก (ระบบถนนหรือราง) ทางน้ำ ทางอากาศ ทั้งหมดทั่วโลก ให้การพัฒนาการเดินทางที่รวดเร็วยิ่งขึ้นนี้ ขอได้ส่งผลถึงความสะดวก คล่อง ลื่นไหล ไม่ติดขัด ของเลือด ของออกซิเจน และของธาตุอาหารที่มีคุณประโยชน์ ได้เดินทางกระจายอย่างทั่วถึงทุกส่วนของร่างกาย
การสื่อสารใด ๆ ระบบสาย ระบบไร้สาย ภาคพื้นดิน ภาคอากาศ จะเป็นไดอาล็อค หรือ ดิจิตอล ส่งสารในรูปของภาพ/ตัวหนังสือ รูปของเสียง ผ่านคลื่นทุกความถี่ ขอให้การสื่อสารนี้ เป็นปรโตโฆสะที่ส่งถึงสัมผัสกับอายตนะภายใน ๖ แบบเต็ม ๆ แล้วผ่านการกรองด้วยระบบโยนิโสมนปัญญา เกิดความรู้ ๓ ระดับ คือ สุตตมยปัญญา จินตมมยปัญญา ภาวนามยปัญญา
อินเทอร์เนต ที่มีอยู่ทุกหมู่บ้าน ทุกครัวเรือน ทุกเครื่องคอมพิวเตอร์ เครื่องมือถือ ให้กลายเป็นห้องสมุดขนาดใหญ่ ที่มีองค์ความรู้จำนวนมหาศาล ให้ผู้คนได้ค้นหาความรู้ ขอให้ทุกความรู้ได้มุ่งสู่บทสรุป ว่า ความรู้ทั้งมวลเป็นกระบวนการพัฒนาขันธ์ ๕ ที่ยกระดับถึงความตระหนักในการดูแลธาตุ ๔ หรือร่างกายนี้ เกิดวัฒนธรรมดูแลรักษาสุขภาพโดยถ้วนหน้ากัน
"ฟินเทค" หรือ "FinTech" เทคโนโลยีเพื่อการไหลเวียนของเงินทั้งโลก ที่มีการเชื่อมถึงมือถือของทุกคน มีความรวดเร็ว ในการถ่ายโอน จ่ายแจกการเงินทุกสกุลเงินตรา ขอให้ไหลเวียนเพื่อผลักดัน ขับเคลื่อนการผลิตอาหาร(ธาตุ ๔) ที่ผลิตบนหลักคิดเพื่อสุขภาพ การกระจายอาหาร (ธาตุ ๔) ให้ทั่วถึงทุกหมู่บ้าน ทุกครอบครัว ทุกผู้คน พฤติกรรมเพื่อสุขภาพเข้มแข็งยิ่งขึ้น
การคมนาคม การสื่อสาร การเงิน ประสานพลังเพื่อการดูแลร่างกายให้แข็งแรง สุขภาพกายใจดีงาม อย่างทั่วถึง สันติภาพ ชีวิตมีคุณค่าตลอดการมีชีวิตอยู่
๓๑ ส.ค.๒๕๕๙
- ๑ กันยายน ๒๕๕๙ บันทึกการประชุม ๑ จังหวัด ๑ ประเทศ สุรินทร์-กัมพูชา โนวเจียเมียนเซาะ (อยู่ดีมีสุข)
แผนงาน
๑. สุรินทร์-อุดรมีชัย ใกล้ชิด-ผูกพัน
๒. บอร์เดอร์พาสคนสุรินทร์ เดินทางถึงเสียบเรียบ
๓. สุรินทร์สนามบินนานาชาติ
๔. ช่องจอม Otop ผลิตภัณฑ์ชุมชน
กิจกรรมแผนที่ ๑
(๑) สุรินทร์-อุดรมีชัย ทอดกฐินสามัคคีออกพรรษา ๒ วัด (วัดปราสาทสำโรง และวัดปราสาทผะออง จ.อุดรมีชัย)
(๒) สร้างวัดคู่พัฒนา “วัดปราสาทผะอ็อง”
(๓) ร่วมพัฒนาโรงเรียนในชุมชนวัดปราสาทผะอ็อง
(๔) ชุมชนสานสัมพันธ์ สุรินทร์-อุดรมีชัย (ชุมชนวัดปราสาทผะอ็อง)
องค์กรที่ใช้ในการขับเคลื่อนแผนงาน
“เครือข่ายกองบุญคุณธรรมเพื่อจัดสวัสดิการชุมชนท้องถิ่นจังหวัดสุรินทร์” (คกสช.)
วัตถุประสงค์ ข้อที่ ๔
เพื่อเป็นกลไกระดับจังหวัดในการประสานความร่วมมือระหว่างองค์กรสวัสดิการชุมชนกับหน่วยงานราชการ ท้องที่ ท้องถิ่น ภาคธุรกิจ เอกชน ประชาสังคมและประชาชน
โครงสร้างการทำงาน
๑. พระครูปริยัติกิตติวรรณ (พระมหาวีระ กิตติวณโณ) ประธาน
๒. นายเสรี อุปถัมภ์ รองประธาน
๓. นางสมจิต สอนกล้า รองประธาน
๔. นายภานุโรจน์ กมลรัมย์บวร รองประธาน
๕. นางพรทิพย์ มังกร รองประธาน
๖. นายสุรศักดิ์ แร่ทอง เหรัญญิก
๗. ร้อยเอกสุลิ ม่านทอง เลขาธิการ
๘. นายวิเชียร ผลเจริญ ตัวแทน อ.ศีขรภูมิ คณะทำงาน
๙. นายทองยอด เสาะรส ตัวแทน อ.ปราสาท คณะทำงาน
๑๐. ดร.วิมลพรรณ สิริกาญจนาทัศน์ ตัวแทน อ.จอมพระ คณะทำงาน
๑๑. กำนันกิตติยา ตัวแทน อ.รัตนบุรี คณะทำงาน
๑๒. กำนันวีรวัฒน์ ตัวแทน อ.พนมดงรัก คณะทำงาน
๑๓. น.ส.ละไมย์ คำใบ ตัวแทนศูนย์ทับทิมนิมิต คณะทำงาน
๑๔. นายไกรศร จังอินทร์ ตัวแทน อ.สังขะ คณะทำงาน
๑๕. นายประเสริฐศักดิ์ พิศวงษ์ขวัญ ตัวแทน อ.สำโรงทาบ คณะทำงาน
๑๖. นายคงเมือง ยิ่งอินทร์ ตัวแทน อ.ศรีณรงค์ คณะทำงาน
๑๗. นายพุทธา เติมทรัพย์ ตัวแทน อ.เขวาฯ คณะทำงาน
๑๘. กำนันทองนรินทร์ สาแก้ว ตัวแทน อ.ท่าตูม คณะทำงาน
ให้เพิ่มคณะทำงาน ครบ ๒๙ ท่าน จากตัวแทนอำเภอ หรือ ความเหมาะสม
เชิญผู้ทรงคุณวุฒิ มาเป็นที่ปรึกษา ให้เปิดบัญชีธนาคาร เพื่อรับบริจาค ในงานทอดกฐินสามัคคี หลังออกพรรษา
๑. ชื่อบัญชี “หนึ่งจังหวัดหนึ่งประเทศโนวเจียเมียนเซาะ”
๒. ธนาคาร กรุงไทย สาขาปราสาท
๓. เงื่อนไข มีอำนาจเบิกถอนเงินในบัญชี ๓ ใน ๕
๔. ผู้ถือบัญชี
(๑) พระมหาวีระ กิตติวณโณ หรือ พระครูปริยัติกิตติวรรณ
(๒) ร้อยเอกสุลิ ม่านทอง
(๓) นายสุรศักดิ์ แร่ทอง
(๔) นายเสรี อุปถัมภ์
(๕) นางสมจิต สอนกล้า
เป็นบัญชีเพื่อรับการบริจาคทำบุญ
ประชุมวันที่ ๑ กันยายน ๒๕๕๙ ณ ศูนย์ประสางานแม่หญิงจังหวัดสุรินทร์
เริ่มประชุมเวลา ๑๔.๐๐ น. เลิกประชุมเวลา ๑๖.๓๐ น.
ผู้เข้าประชุม จำนวน ๑๑ คน
- ๒๗ ตุลาคม ๒๕๕๙ บันทึก (ร่าง วัดการเงินธรรมาภิบาล)
๑.เจ้าอาวาสวัดสะเดารัตนาราม ถือเงินสดไว้ในกระเป๋าอังสะไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาท ถ้าเกินต้องเอาส่วนที่เกินไปเก็บในสถานที่จัดเก็บ โดยไม่เกินข้ามคืน หรือถ้ามีเหตุจำเป็นก็ต้องบอกกับผู้คนข้าง ๆ ที่อยู่ใกล้ชิดขณะนั้น
๒.เจ้าอาวาสวัดสะเดารัตนาราม จ่ายเงินได้ไม่เกิน ๕,๐๐๐ บาทต่อครั้งและต่อวัน ถ้าเกิน ๕,๐๐๐ บาท เป็นอำนาจของไวยาวัจกรวัด ที่ต้องบันทึกเป็นหลักฐานมีโดยกรรมการวัด/คนวัด เซ็นชื่อกำกับไว้อย่างน้อย ๓ ท่าน ยิ่งจ่ายมากต้องรับรู้กันมาก
๓.ไวยาวัจกรวัด แต่งตั้งได้คราวละ ๒ ปี คุณสมบัติสำคัญ คือ มีความเคารพ สุภาพ จิตใจสุขุมรอบคอบ มีหัวใจธรรมาภิบาล ความระแวง การสงสัย การใคร่รู้ของผู้คนในชุมชนเป็นภารกิจสำคัญที่ไวยาวัจกรวัดต้องรีบดำเนินการให้เรียบร้อยโดยเร็ว
๔.การจะไปสั่งซื้อของต้องมีการจัดทำเอกสารเป็นหลักฐาน โดยกรรมการวัด/คนวัด เซ็นชื่อกำกับไว้อย่างน้อย ๒ ท่าน ยิ่งจ่ายมากต้องรับรู้กับมาก
๒๗/๑๐/๒๕๕๙
- ๖ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ วันอาทิตย์ ถวายเงินทอดกฐินสามัคคี ๒ แผ่นดิน ถวายก่อน ๒ วัด จ.อุดรมีชัย ก่อนวันจริง พลโทนิรุทธ์ เกตุสิริ ผู้ทรงคุณวุฒิพิเศษกองทัพบก
ร่วมบริจาคทอดกฐินสามัคคีสานสัมพันธ์ ๑ จังหวัด ๑ ประเทศ
สุรินทร์-กัมพูชา โนวเจียเมียนเซาะ(อยู่ดีมีสุข) ครั้งที่ ๑
ณ วัดปราสาทราชาสำโรง และ วัดปราสาทผะอ็อง จ.อุดรมีชัย
- ๑๒ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๙ เสาร์ ทอดกฐินสามัคคี ๒ แผ่นดิน ถวาย ๒ วัด วัดปราสาทสำโรง กับ วัดปราสาทผะอ็อง (มีการเลื่อนวัน)
วันที่ ๑๒ พฤศจิกายน ๒๕๕๙ เวลา ๐๖.๐๐ -๐๘.๐๐ เดินทางผ่านแดนช่องจอม ผู้เดินทางต้องถือ ใบพาสปอร์ต (การใช้พาสปอร์ตจะเกิดความล่าช้า ใช้เวลามาก เมื่อมีคนจำนวนมากจะเกิดความล่าช้าสะสม) หรือ ถือบอร์เดอร์พาส (คนสุรินทร์ควรทำบอร์เดอร์พาส) (ไม่มีผ่านไม่ได้) ทางด้านเจ้าหน้าที่ด่านกัมพูชาจะเก็บค่าธรรมเนียมผ่านแดน ใช้บอร์เดอร์พาส เก็บ ๕๐ บาท ถ้าเป็นพาสปอร์ต เก็บ ๑๐๐ บาท (หนังสือผ่านแดน “บอร์เดอร์พาส” เฉพาะคนสุรินทร์อยู่ในทะเบียนบ้านไม่น้อยกว่า ๖ เดือน ทำได้ที่ศาลากลาง จ.สุรินทร์ ห้องป้องกัน ค่าธรรม ๒๐๐ บาท ต้องไปดำเนินด้วยตนเอง คือ ไปยื่นเอกสารด้วยตนเอง เพื่อเพิ่มพูนความตั้งใจ ความพยายาม ความแกล้วกล้า เติมเต็มศักยภาพ ความเชื่อมั่น มั่นใจ การยื่น/การรับต่างวันกัน หนังสือผ่านแดนมีอายุ ๒ ปี เดินทางได้เฉพาะ จ.อุดรมีชัย ครั้งละไม่เกิน ๗ วัน) รถยนต์ที่ใช้ผ่านแดน เจ้าของรถกับผู้ขับเป็นคนเดียวกันดีที่สุด ถ่ายสำเนาไปให้พร้อม (คู่มือรถ,บัตรประชาชน,ทะเบียนบ้าน) คู่มือรถหรือสมุดเล่มถือตัวจริงไปด้วย เพื่อให้การดำเนินการนำรถผ่านแดนราบรื่น ขอให้ส่งเอกสารรถยนต์ผู้ประสานงานก่อนวันทอดกฐิน ๒ อาทิตย์
ขั้นตอนการเดินทางผ่านแดน จุดผ่านแดนถาวร ช่องจอม เพื่อเข้าเฉพาะพื้นที่จังหวัดอุดรมีชัย กัมพูชา ไปและกลับ
• กรณีนำรถยนต์ข้ามแดน และผู้เดินทางทุกคนถือหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต) หรือ หนังสือผ่านแดน (บอร์เดอร์พาส) ของแต่ละท่าน
๑. ผู้เดินทางทุกคนต้องมีหนังสือเดินทาง(พาสปอร์ต) หรือ หนังสือผ่านแดน (บอร์เดอร์พาส) ไม่เว้น คนขับรถ
๒. ผู้เดินทางทุกคนลงจากรถยนต์ที่นั่งไป ก่อนถึงด่าน เดินถือหนังสือ เข้าช่องจุดที่เจ้าหน้าที่ ตม.ประทับตรารับรอง ขาออก แล้วเดินตามทางออก ผ่านรั้วแดนเหยียบแผ่นดินกัมพูชา ยกเว้น คนขับรถที่ต้องเดินย้อนกลับมาติดต่อ กับ ตม.อีกป้อมหนึ่ง เสร็จแล้ว ไปยื่นเอกสารที่ด่านศุลกากร
๓. เมื่อยื่นเอกสารการนำรถยนต์ต่อศุลกากร และผ่านแดนเรียบร้อย คนขับก็ขับรถผ่านแผงกั้น และผ่านแดนได้ ไปจอดรถอีกทีก่อนถึงด่านตรวจหนังสือขาเข้าของกัมพูชา
๔. ผู้เดินทางทุกคนที่ผ่านแดนแล้ว เดินถือหนังสือ เข้าช่องจุดที่เจ้าหน้าที่ ตม. กัมพูชาประทับตรารับรอง ขาเข้า รวมถึงคนขับรถ
๕. เมื่อประทับตราหมดทุกคนแล้ว จึงขึ้นรถเดินทางสู่เป้าหมาย
๖. ขากลับ ทำเหมือนกันกับทางฝั่งไทย อาจแตกต่างบ้าง เช่นการนำรถเข้าประเทศไทยอีกครั้ง ขั้นตอนวิธีการด้านรถยนต์ จะเน้นทางฝั่งไทย
กรณีรถยนต์ เป็นชื่อวัด
- ทำหนังสือมอบอำนาจ นำ/ขับรถยนต์ผ่านแดน ติดอากรแสตมป์ ๓๐ บาท พร้อมทั้งแนบสำเนา เซ็นต์รับรองสำเนาถูกต้อง
- สำเนาคู่มือรถ
- สำเนาใบแต่งตั้งเจ้าอาวาสวัด
- สำเนาใบสุทธิพระ หรือ สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ของเจ้าอาวาสวัด
- สำเนาใบขับขี่ของผู้รับมอบอำนาจ
เจ้าของรถยนต์กับคนขับ เป็นคนเดียวกัน หรือ ขับรถของตนเอง จะทำการง่าย
- ๑๓ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๙ อาทิตย์ ทอดกฐินสามัคคี ๒ แผ่นดิน ถวาย ๑ วัด
ขอเชิญร่วมทอดกฐินสามัคคี ๑ จังหวัด ๑ ประเทศ สุรินทร์-กัมพูชา โนวเจียเมียนเซาะ(อยู่ดีมีสุข) ร่วมสร้างวัดคู่พัฒนาสุรินทร์-อุดรมีชัย ความสัมพันธ์สามัคคีที่ยั่งยืน ๓ วัด
ณ วัดบ้านกู่ อ.บันเตียยอำปึล จ.อุดอร์เมียนเจ็ย วัดที่หลวงปู่หงษ์ สร้างไว้เมื่อคราวธุดงค์เขมร
วัน อาทิตย์ ที่ ๑๓ เดือน พฤศจิกายน พ.ศ.๒๕๕๙ ขึ้น ๑๔ ค่ำ เดือน ๑๒
- 25 พฤศจิกายน 2559
งานพัฒนาของขบวนองค์กรชุมชนจังหวัดสุรินทร์ สามารถจำแนกออก เป็น ๒ ลักษณะใหญ่ ๆ คือ
๑. ดำเนินกิจกรรมงานเพื่อให้คนพึ่งตนเอง
๒. ดำเนินกิจกรรมงานเพื่อให้คนพึ่งกันและกัน
๑.ดำเนินกิจกรรมงานเพื่อให้คนพึ่งตนเอง
ดิน –น้ำ-ป่า-นา-สวน-คน คำนี้เป็นการรวมคำ การคิดจึงมาจาการคิดแบบภาพรวม บูรณาการชีวิต เพื่อตอบโจทย์ครอบครัว ตอบสนองความบุคคลปัจเจก กิจกรรมนี้จึงลักษณะปลูกฝังอุดมการณ์ อันเดียวกันกับ “ต้นกล้าคืนถิ่น” มีบรรยากาศการทำงาน การเรียนรู้ การถ่ายทอด แบบชาวบ้าน ๆ จัดการทรัพยากรก็จัดการทรัพยากรของตนเอง ผลผลิตมาจากธรรมชาติเป็นหลัก การจัดการไม่ซับซ้อน ใช้ภูมิปัญญาที่สืบทอดกันมา อุณหภูมิ ฤดูกาล มองเป้าหมายเพื่อการอยู่รอด หากิน หาอยู่ ทำงานงานเพื่อให้ตนอยู่รอดปลอดภัย ไม่ต้องใช้วิทยาการที่ซับซ้อนมากนัก ถึงมีก็ไม่เกี่ยวนักกับวิทยาการทางสังคม ไม่ต้องใช้การสื่อสารมาก ลดการพึ่งพาภายนอก เป็นแนวทางแบบไม่ง้อคนอื่น
๒.ดำเนินกิจกรรมงานเพื่อให้คนพึ่งกันและกัน
เข้าลักษณะ ทรัพยากรมีอยู่อย่างจำกัด แต่ผู้คนจำนวนมากต้องแก่งแย่งกัน ต้องจัดระบบระเบียบ จัดกติกาใหม่เพื่อให้ผู้คนอยู่ด้วยกันได้อย่างไม่เอาเปรียบกัน มีการกระจายธาตุ ๔ ให้ทั่วถึงและทันเวลา ศัพท์ใหม่ที่สามารถสื่อความได้ คือ การลดความเหลื่อมล้ำ ยุติธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีส่วนร่วมรับผิดชอบ สังคม องค์กรธรรมาภิบาล การปราบคอรัปชั่น ประเทศไทย 4.0
งานที่เข้าลักษณะพึงกันและกัน จะมีการระดมทรัพยากรจากสมาชิก แบ่งหน้าที่กันทำงาน คนแต่ละคนถนัดไม่เหมือนกัน คนที่ทำงานด้วยกันต้องใช้คุณธรรมอย่างมาก การใช้คุณธรรมอย่างเดียวอาจไม่แข็งแกร่งพอที่จะสู้กับกิเลส และเหตุที่บีบคั้นจำนวนมากหลากประการในปัจจุบัน ต้องอาศัยวิธีการ กระบวนการที่เป็นระบบคอยตรวจสอบ ควรชี้แจงให้เข้มแข็งขึ้น
งานสวัสดิการชุมชน มีลักษณะให้คนพึ่งกันและกัน จึงจำเป็นสูงสุดในการทำให้งานนี้ให้มีลักษณะ ลดความเหลื่อมล้ำ ยุติธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีส่วนร่วมรับผิดชอบ สังคม องค์กรธรรมาภิบาล การปราบคอรัปชั่น องค์กร 4.0 เพื่อให้ผู้คนลดความระแวงกันและกัน ถ้างานสวัสดิการชุมชนไม่สามารถดำเนินการตามแนวทางนี้ได้ จะมีสภาพอันตรายสูงต่อการล้มเหลวทางสังคม จะเป็นภาระหนักในชุมชน ทำให้คนหวาดระแวงกันตลอดไป
งานสวัสดิการชุมชนเมื่อมองด้านบวก ก็ดูสวยหรู วาดฝันบรรเจิด แต่ในความจริงผู้คนที่กำลังหิว กำลังอ่อนแรง กำลังมีทุกข์ทางกายทางใจ ย่อมขาดคุณธรรมที่จะยับยั้งต่อความโลภ จะยับยั้งต่อความสะดวกสบาย นั่นคือ คณะกรรมการจะไม่ระมัดระวังในการใช้งบประมาณ ขาดความรอบคอบนำมาซึ่งการขาดประสิทธิภาพ ขาดความคุ้มค่า ส่วนฝ่ายสมาชิกก็เรียกร้องการตอบแทน ต้องการทรัพยากรมาก อันมาจากการรู้สึกไม่ได้เป็นเจ้าของร่วมอย่างแท้จริง
สวัสดิการชุมชน ต้องจัดสวัสดิการเชิงคุณธรรม ที่มิใช่ตัวเงิน สอดคล้องกับการปฏิรูปสังคมไทยในขณะนี้ (ลดความเหลื่อมล้ำ ยุติธรรม โปร่งใส ตรวจสอบได้ มีส่วนร่วมรับผิดชอบ สังคม องค์กรธรรมาภิบาล การปราบคอรัปชั่น องค์กร 4.0 ) จึงจะสามารถอยู่ได้และมีคุณค่าในคำว่า สวัสดิการชุมชน “สร้างความสุขแก่ชุมชน”
งบจาก พอช.มีน้อย เมื่อต้องการขยายผลได้มาก ก็ต้องเก็บผลงานของผู้คนในสังคมที่ประกอบอาชีพแบบพึ่งตนเองนั้น ด้วยการถ่ายภาพ ด้วยการไปเยี่ยม ด้วยการทำข้อมูลนำเสนอต่อสังคม เพื่อกระตุ้นความรู้ ขยายผลต่อสังคม
ข้อควรระวัง คือ ต้องระวังคำว่าขโมยผลงานชาวบ้าน การเอาผลงานคนอื่นมาเป็นผลงานตน ด้วยเข้าใจหลักการหนุนเสริมกำลังใจ หลักการอนุโมทนาบุญ ต้องสอนผู้คนให้ลดการเอาเปรียบกันคู่กับลดการอิจฉาริษยากัน
๒๕ พ.ย.๒๕๕๙