รางวัลลูกโลกครั้งที่ 3 พ.ศ.2544
ผลงานรางวัลลูกโลกสีเขียว
ครั้งที่ 3 ประจำปี 2544
รางวัลเกียรติยศ
“ในน้ำมีปลา ในป่าต้องมีสัตว์” นี่คือแนวคิดเรียบง่าย แต่สะท้อนถึงความเข้าใจในเรื่องการอนุรักษ์อย่างลึกซึ้งของพระครูประสาทพรหมคุณหรือ “หลวงปู่หงษ์” ที่ชาวจังหวัดสุรินทร์ให้ความเคารพศรัทธามานานกว่า 20 ปี
หลวงปู่หงษ์ไม่เพียงแต่เป็นพระสงฆ์ผู้มีเมตตาจิต เปี่ยมด้วยทานบารมีเท่านั้น หากยังสามารถเชื่อมโยงศรัทธาของประชาชนเข้ากับการอนุรักษ์ทรัพยากรป่าไม้และสิ่งแวดล้อมได้อย่างกลมกลืน เป็นศูนย์รวมจิตใตของชุมชนยึดเหนี่ยวให้ชาวบ้านหันหน้าเข้ามาร่วมกันแก้ไขปัญหาต่างๆ ทั้งปัญหาปากท้องและการอนุรักษ์ป่าไม้ กอรปด้วยกิจทรงคุณค่ามากมายอย่างยากที่จะหาสงฆ์รูปใดมาเทียบเทียม
พระครูประสาทพรหมคุณ (หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ)
พระผู้สร้างผืนป่า รักษาธรรม
พระสงฆ์กับป่า คือวิถีที่ผูกพันแน่นแฟ้นนับแต่ครั้งพุทธกาล องค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าทรงเสด็จออกผนวช บำเพ็ญเพียร ตรัสรู้บรรลุธรรมสูงสุดท่ามกลางพงไพร ทรงยกย่องให้ป่าไม้เป็นอาจารย์ของพระองค์ ผู้ใดรักษาป่าผู้นั้นปฏิบัติธรรม เพราะผืนผ่ามีคณูปการต่อสรรพชีวิตได้พึ่งพิงทั้งแหล่งน้ำ อาหาร สมุนไพรรักษาโรค ฯลฯ เป็นความเมตตาเกื้อกูลที่มอบให้มวลมนุษยชาติ ดุจเดียวกับกิจมากมายที่พระครูประสาทพรหมคุณ หรือ หลวงปู่หงษ์ ของชาวจังหวัดสุรินทร์ มุ่งมั่นปฏิบัติมากว่า 20 ปีแล้ว แม้ในวันนี้ท่านจะชราภาพแต่เมตตาธรรมที่จะสร้างป่าให้แผ่นดินยังคงแน่วแน่อยู่เสมอ
แม้จะล่วงเข้าสู่วัย 80 เศษ แต่พระครูประสาทพรหมคุณ หรือ “หลวงปู่หงษ์” ของชาวตำบลสมุด อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ ยังเทศนาด้วยน้ำเสียงที่สดใส ท่วงทำนองจับใจ ญาติโยมที่มากราบไหว้จะคุ้นเคยกับใบหน้าที่ยิ้มแย้ม เปี่ยมด้วยความกรุณาปราณี และคำแนะนำที่ช่วยคลี่คลายปัญหาต่างๆ แต่เรื่องสนทนาที่ถูกใจหลวงปู่ที่สุด คือ ธรรมชาติและป่าไม้
หลวงปู่หงษ์เป็นชาวสุรินทร์โดยกำเนิด เกิดเมื่อปี พ.ศ.2461 ที่บ้านทุ่งมน ตำบลทุ่งมน อำเภอปราสาท เริ่มบวชเรียนตั้งแต่วัยรุ่นอายุ 18 ปี จากนั้นก็ออกธุดงค์เรื่อยไปตามเขาจนถึงประเทศกัมพูชาเมื่ออายุ 35 ปี กว่า 20 ปีที่ธุดงค์และจำพรรษาอยู่ในประเทศกัมพูชา หลวงปู่หงษ์จึงเข้าใจและพูดภาษาเขมรได้ดี และเมื่อตัดสินใจกลับบ้านเกิดมาจำพรรษาอยู่ที่วัดเพชรบุรีในปี 2517 เป็นช่วงเวลาเดียวกับที่กรมป่าไม้ ได้ประกาศให้พื้นที่บริเวณตำบลทุ่งมนและตำบลสมุดเป็นเขตป่าสงวนแห่งชาติป่ากำไสจาน จิตสำนึกและความรักธรรมชาติที่พ่อเคยพร่ำสอนในวัยเด็กยังฝังอยู่ในใจของหลวงปู่งหงษ์เสมอ งานอนุรักษ์ป่าไม้ของท่านจึงเริ่มต้นขึ้นด้วยการขอบริจาคพื้นที่จากชาวบ้าน เพื่อนำมาฟื้นฟูให้กลับคืนเป็นป่าสมบูรณ์อีกครั้ง
ธรรมะรักษาผืนป่าบริบทแห่งกลยุทธ์
สภาพป่ากำใสจาน เมื่อครั้งอดีตเคยเป็นที่ป่าสัมปทานไม้หมอนรถไฟตั้งแต่ปี 2470 เป็นต้นมา ชาวบ้านจะตัดไม้ในป่าขายท่อนละ 4 บาท บางส่วนก็ตัดไปเผาถ่านจนกระทั่งปี 2510 จึงหยุดทำ แต่การชักลากไม้ก็ยังคงมีอยู่ ทำให้ป่าเสื่อมโทรมลง และเป็นสาเหตุให้ชาวบ้านบุกเข้าไปจับจองพื้นที่ทำกิน รวมทั้งตัดไม้ใช้สอยและทำฟืน
ปี 2531 หลวงปู่หงษ์เริ่มเทศนาธรรมที่สอดแทรกด้วยปรัชญาการอนุรักษ์ป่าไม้และสิ่งแวดล้อมแบบง่ายๆ บางครั้งได้พาชาวบ้านเข้าไปทำบุญในป่า หรือที่เรียกว่า “กินข้าวกลางป่า” นอกจากอิ่มบุญแล้วชาวบ้านยังได้ข้อคิดเรื่องธรรมชาติกลับบ้านเสมอ เพราะหลวงปู่มักจะหยิบยกให้เห็นประโยชน์และคุณค่าของป่า ทั้งแหล่งอาหาร ยา สมุนไพร
“ถ้าเราใช้ป่า ใช้น้ำ ใช้สัตว์แล้ว ก็ต้องจัดการคืนให้เขาเหมือนเดิม ต้นไม้เมื่อตัดแล้ว ก็ให้รู้จักปลูก ปลา เมื่อกินแล้ว ก็รู้จักปล่อย เราอยากมีน้ำใช้ ก็ต้องหมั่นปลูกต้นไม้ และต้องรู้จักสร้างแหล่งน้ำเก็บกักน้ำเมื่อยามขัดสน”
ก่อนจะปิดท้ายธรรมเทศนาด้วยถ้อยคำที่ว่า “ปลูกป่านั้นให้เป็นประโยชน์กับชาวบ้านเอง ไม่ใช่ทำให้หลวงปู่ และป่าที่ปลูกก็เพื่อถวายในหลวง ใครจะเอาไม้ไปไม่ได้ เพราะเป็นของหลวง”
การขอบริจาคพื้นที่ของชาวบ้านเพื่อจัดทำพื้นที่ป่านั้นไม่ง่ายทุกรายไป บางรายก็ต้องทดแทนด้วยเงินทอง ดังนั้น เงินทุกบาทที่ผู้ศรัทธาบริจาคให้จึงนำมาเป็นทุนรอนในการจัดการผืนป่า ตั้งแต่ชดเชยค่าที่ หรือใช้เป็นค่าแรง ค่าอาหารแก่ชาวบ้านที่มาช่วยกันปลูกป่า
ปี 2535 เมตตาธรรมและทานบารมีที่หลวงปู่มีให้อย่างสม่ำเสมอ ทำให้ชาวบ้านเกิดศรัทธาร่วมกันบริจาคที่หัวไร่ปลายนาให้เป็นพื้นที่ป่า ลมหายใจขอบชุมชนมีเรื่องราวของป่าไม้มาเกี่ยวข้องมากขึ้น และในปีนั้นเองมีผู้บริจาคที่ให้เป็นผืนป่าถึง 30 ราย รวมพื้นที่ทั้งหมดกว่า 5.000ไร่ แล้ว
ล้อมรั้วเพื่อแบ่งเขตรับผิดชอบ
ผืนป่าที่เกิดจากความร่วมมือของชาวบ้าน โดยมีหลวงปู่หงษ์เป็นศูนย์กลางนั้นมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนป่าที่ไหนในประเทศไทย นั่นก็คือมีรั้วทั้งรั้วลวดหนามและรั้วหิน
หลวงปู่หงษ์ให้เหตุผลในการล้อมรั้วว่า เพื่อให้มีแนวเขตที่ชัดเจนสะดวกในการดูแลรักษา และเป็นการแบ่งเขตรับผิดชอบแก่ชุมชนรอบข้าง เพราะหลังจากล้อมรั้วเสร็จแล้วก็จะมอบให้ชาวบ้านดูแลเป็นส่วนๆ ตั้งชื่อป่าตามชื่อชุมชนนั้นๆ ทำให้ทุกคนรู้สึกเป็นเจ้าของร่วมกัน หมู่บ้านไหนใกล้ป่าส่วนไหนก็ตั้งกรรมการขึ้นมาดูแลส่วนนั้น ป่าบางแห่งอยู่ในการดูแลร่วมกันมากกว่า 1 หมู่บ้าน ก็ตั้งกรรมการบริหารร่วมกันตรวจตราดูแล แต่ถ้าเป็นป่าที่ล้อมด้วยรั้วหิน นอกจากจะมีมนุษย์เป็นเวรยามแล้วยังมีงูสารพัดชนิดจำนวนแสนกว่าตัว คอยช่วยดูแลอีกด้วย งูเหล่านี้หลวงปู่หงษ์ให้นำมาปล่อยไว้ในป่าทั่วๆไป ซึ่งงูก็อาศัยอยู่ตามโพรงหินที่อยู่รอบผืนป่านั่นเอง แต่ก็ไม่เคยปรากฏว่ามีชาวบ้านที่ไปเก็บพืชผักในป่าเคยถูกงูกัดแม้แต่ครั้งเดียว หลวงปู่บอกว่า งูอาศัยอยู่ในป่า หากไม่ทำร้ายป่างูก็ไม่ทำร้ายคน
ปลูกป่าได้มากกว่าต้นไม้
นอกจากผืนป่านับหมื่นไร่ที่ได้รับการฟื้นฟูคืนสภาพด้วยเมตตาจากหลวงปู่แล้ว ความเข้าใจที่เป็นองค์รวมทำให้ท่านมองการณ์ไกลว่า การรักษาป่าอย่างยั่งยืน ไม่ใช่การปลูก แต่ต้องไม่ทำลาย และการไม่ทำลายก็ต้องให้ชาวบ้านมีอาชีพ หลวงปู่จึงสนับสนุนโครงการต่างๆ เพื่อการพัฒนาอาชีพ ไม่ว่าจะเป็นการขุดคลอง ทำถนน เพื่อเป็นทางออกของผลผลิตการเกษตร ส่งเสริมอาชีพทอผ้า ส่งเสริมโครงการสวนสมุนไพรในป่าชุมชน และโครงการปลูกผักกินได้ เช่น ผักหวาน เพาะพันธุ์ไข่มดแดง เลี้ยงป่า ในสระน้ำเพื่อเป็นแหล่งอาหาร รวมทั้งจัดตั้งศูนย์ประชาสัมพันธ์ให้ความรู้ความเข้าใจเรื่องการอนุรักษ์ป่าไม้ เป็นศูนย์รวมในการจัดหางบประมาณ จัดทำโครงการชลประทานและสาธารณูปโภคพื้นฐานมากมาย จัดทำฝายน้ำล้นจากลำน้ำชี เพื่อช่วยให้ชาวบ้านทำเกษตรได้ตลอดทั้งปี เป็นต้น
หลวงปู่หงษ์ เริ่มต้นจากการขอให้ชาวบ้านช่วยกันปลูกป่า แต่วันนี้ ชาวอำเภอ ปราสาทมีข้าวเต็มยุ้ง มีท้องที่อิ่ม มีน้ำใช้ไม่เหือดแห้ง และมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น หลวงปู่หงษ์ไม่ได้ปลูกต้นไม้ให้เต็มป่าเพียงอย่างเดียวหากท่านปลูกชีวิตใหม่ให้ผู้คนด้วย
ชื่อ-นามสกุล : พระครูประสาทพรหมคุณ (หลวงปู่หงษ์ พรหมปัญโญ)
- อายุ : 82 ปี
- สถานภาพ : พระสงฆ์
- การศึกษา : บวชเรียนตั้งแต่อายุ 18 ปี
- ตำแหน่งหน้าที่ :
- • เจ้าอาวาสวัดเพชรบุรี ตำบลสมุด อำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์
- • พระสังฆาธิการผู้บริหารคณะสงฆ์ชั้นโท (เจ้าคณะตำบลชั้นโท)
- ระยะเวลาดำเนินการ : ปี 2517 – ปัจจุบัน
- เกียรติประวัติ : ปี 2544 ได้รับรางวัลสาขาการอนุรักษ์ป่าไม้จากกรมป่าไม้
- ผลงาน :
- • ปี 2517 เริ่มงานอนุรักษ์ป่าไม้โดยขอพื้นที่ของชาวบ้านให้จัดทำเป็นพื้นที่ป่า
- • มี 2526 ถึง ปัจจุบัน เริ่มการอนุรักษ์ป่าด้วยการจ้างชาวบ้านนำหินมาล้อมรั้ว และช่วยกันปลูกป่าเสริมทดแทนเพื่อฟื้นฟูสภาพป่าจำนวนนับหมื่นไร่ อาทิเช่น ป่าประกายเพชร (300 ไร่) ป่าหนองกก (1,800 ไร่)เป็นต้น
- • ปี 2535 ถึงปัจจุบัน ริเริ่มโครงการชลประทานและสาธารณูปโภคพื้นฐาน ขุดสระน้ำ ฝายเก็บกักน้ำ เพื่อเป็นแหล่งน้ำให้ชาวบ้านใช้ในการเกษตร อุปโภคบริโภค เลี้ยงปลา เลี้ยงสัตว์ อาทิ ขุดสระน้ำพนมยายจรู๊ก ขุดทำนบนหนองหัวแรด ขุดลอกลำน้ำชีให้กว้างและลึกเพื่อนำปลาบึกไปปล่อย ขดสระน้ำติดกับพื้นที่แปลงปลูกป่าบ้านโคกจ๊ะ ปรับปรุงถนนสายลำชี-ห้วยก็วล ปรับปรุงถนนหงษ์พัฒนา ปรับปรุงและขุดลอกหนองน้ำสาธารณประโยชน์สระตาตวล ขุดทำนบกลางป่าสงวนแห่งชาติฯปรับปรุงถนนสายสะพานหัน-ประโคนชัย สร้างสะพานหลวงปู่หงษ์เชื่อมระหว่างบ้านสะพานหัน – ประโคนชัย