สมาคมผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทจังหวัดสุรินทร์
เนื้อหา
ข้อบังคับ
สมาคมผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทจังหวัดสุรินทร์
พ.ศ. ๒๕๖๖
โดยที่มีคำปณิธานของผู้เข้าอบรมหลักสูตรผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ว่า "ข้าพเจ้าขอตั้งสัจจะอธิษฐานว่า ข้าพเจ้าขอบำเพ็ญสันติบารมี พัฒนาชีวีให้รู้ตื่นและเบิกบาน ร่วมประสานมนุษย์และสังคม ให้อุดมด้วยสันติสุข ในทุกลมหายใจ ตลอดไปเทอญ" และสังคมไทย โดยเฉพาะในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์ มีความตัองการผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทจำนวนมาก มีคุณภาพ จึงเป็นการสมควรจัดตั้งสมาคมผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทจังหวัดสุรินทร์ ให้มีความเหมาะสม สอดคล้องกับสภาพปัจจุบัน
หมวดที่ ๑
บททั่วไป
ข้อ ๑. ข้อบังคับนี้เรียกว่า “ข้อบังคับสมาคมผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทจังหวัดสุรินทร์ พ.ศ. ๒๕๖๖”
ข้อ ๒. ให้ใช้ข้อบังคับนี้ตั้งแต่วันที่นายทะเบียนได้รับจดทะเบียนเป็นต้นไป
ข้อ ๓. ข้อบังคับนี้ระบุความหมายไว้ดังนี้
“สมาคม” หมายความถึง สมาคมผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทจังหวัดสุรินทร์
“สมาชิก” หมายความถึง สมาชิกสมาคมผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทจังหวัดสุรินทร์ ทุกประเภท
“คณะกรรมการสมาคม” หมายความถึง คณะกรรมการสมาคมผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทจังหวัดสุรินทร์
หมวดที่ ๒
ชื่อ เครื่องหมายและสถานที่ตั้งสมาคม
ข้อ ๔. สมาคมนี้มีชื่อว่า “สมาคมผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทจังหวัดสุรินทร์ ” เรียกโดยย่อว่า “................” โดยเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า “...................................” มีอักษรย่อว่า “...........”
ข้อ ๕. เครื่องหมายของสมาคมทำด้วย............. เป็นเข็มหรือ............... ภายในรูปวงกลม มีรูปภาพ........... ส่วนพื้นรอง...............เป็นสี......... มีชื่อของสมาคมเป็นสี...........รอบวงกลม เครื่องหมายของสมาคมนี้สำหรับประดับเครื่องแต่งกายของสมาชิกโดยขยายส่วนต่างๆ ของเครื่องหมายให้เหมาะสมกันแล้วย่อมทำได้ ทั้งนี้ต้องให้เป็นไปตามแบบที่สมาคมกำหนดไว้ด้วย
ข้อ ๖. สำนักงานของสมาคมตั้งอยู่ ณ บริเวณที่ตั้ง...................................
หมวดที่ ๓
วัตถุประสงค์
ข้อ ๗. สมาคมมีวัตถุประสงค์ ดังต่อไปนี้
๑.เพื่อส่งเสริมขับเคลื่อนให้ผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ดำรงวัฒนธรรมการทำงานเป็นเครือข่ายทุกระดับ คือ ระดับจังหวัด ระดับอำเภอ และระดับตำบล ในพื้นที่จังหวัดสุรินทร์
๒.เพื่อส่งเสริมการดำเนินการของศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชนเกิดความเข้มแข็ง ยั่งยืน เป็นความหวังของชุมชน
๓.เพื่อน้อมนำแนวคิดทางปรัชญา ศาสนา สันติภาพ สันติวิธี ให้ผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทได้เรียนรู้ ฝึกฝน ปฏิบัติการสู่วิชาชีพชำนาญการ ชำนาญการพิเศษ
๔.เพื่อส่งเสริม เสริมแรง สนับสนุนให้ผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท หรือคณะทำงานศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เกิดขวัญกำลังใจ มีสวัสดิการ ในการปฏิบัติหน้าที่อย่างราบรื่นเกิดสันติภาพจากภายใน
๕.เพื่อสนับสนุนสร้างสังคมไทยขับเคลื่อนความยุติธรรมผ่านกลไกการไกล่เกลี่ยทางเลือกที่ให้ความสำคัญต่อสันติสุขของสังคม ชุมชน หมู่คน ที่เริ่มต้นจากสันติภายในของผู้คนที่มีความขัดแย้งกัน
๖.เพื่อประสานความร่วมมือกับเครือข่ายผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทประเทศไทย หรือนอกพื้นที่จังหวัดสุรินทร์
๗. เพื่อบำเพ็ญสาธารณประโยชน์ สมาคมนี้ไม่มีวัตถุประสงค์เกี่ยวข้องกับการเมือง
หมวดที่ ๔
ประเภท คุณสมบัติ การสมัครเข้าเป็นสมาชิก ค่าบำรุงและการขาดจากสมาชิกภาพ
ข้อ ๘. สมาชิกแบ่งออกเป็น ๓ ประเภท คือ
๑. สมาชิกสามัญ คือ ผู้ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทตามกฎหมาย
๒. สมาชิกกิตติมศักดิ์
๓. สมาชิกวิสามัญ คือ ผู้สนับสนุน หนุนเสริม เสริมแรง สมาคมให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์สมาคม
ข้อ ๙. สมาชิกสมาคมตามข้อ ๘ ต้องมีคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งดังต่อไปนี้
๑.เป็นผู้มีชื่อในทะเบียนผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทในขณะนั้น
๒.ผู้ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ที่กระทรวงยุติธรรมให้การรับรอง
๓.ผู้ที่ผ่านการอบรมหรือผ่านการศึกษา ตามหลักสูตรสันติวิธี หรือหลักสูตรผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ตามที่มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรราชวิทยาลัย จัดขึ้น
๔. ผู้ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรใดที่สมาคมนี้เห็นชอบ
๕. ผู้อุทิศตนช่วยงานประจำศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน
๖. ผู้อุทิศตนด้านการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท หรือที่ได้รับการยกย่องในแวดวงการไกล่เกลี่ยข้อพิพาท
และไม่มีพฤติกรรมที่แสดงให้เห็นอย่างชัดแจ้งว่าขัดต่อวัตถุประสงค์ของสมาคมตามข้อ ๗ และสมาชิกต้องไม่มีลักษณะต้องห้ามดังต่อไปนี้
(ก) เคยได้รับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก และพ้นโทษมาไม่เกิน ๒ ปี เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่ได้กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(ข) เคยถูกไล่ออก ปลดออก หรือให้ออกจากงานเพราะทุจริตต่อหน้าที่
ข้อ ๑๐. สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่บุคคลที่อุปการะช่วยเหลือทำคุณประโยชน์แก่สมาคมหรือผู้มีเกียรติที่คณะกรรมการสมาคมมีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า ๓ ใน ๔ ของจำนวนกรรมการสมาคมที่มาประชุมและออกเสียงลงคะแนนให้เชิญเป็นสมาชิกของสมาคม
ข้อ ๑๑. ผู้สมัครเป็นสมาชิกสามัญหรือสมาชิกวิสามัญต้องแสดงความจำนงเข้าเป็นสมาชิกตามแบบที่สมาคมกำหนด และให้นายทะเบียนสมาคมนำเสนอรายชื่อและข้อมูลผู้สมัครต่อที่ประชุมคณะกรรมการสมาคมเพื่อพิจารณามีมติรับเป็นสมาชิก
เมื่อคณะกรรมการสมาคมมีมติรับเป็นสมาชิกแล้ว ผู้สมัครจะมีสถานะเป็นสมาชิกโดยสมบูรณ์ตั้งแต่วันที่นายทะเบียนสมาคมได้จดแจ้งชื่อในทะเบียนสมาชิก
ข้อ ๑๑. สมาชิกสามัญ และสมาชิกวิสามัญ จะต้องชำระค่าบำรุงสมาคมรายปี ปีละ ๕๐๐ บาท หรือ ตามจำนวนที่คณะกรรมการสมาคมมีมติเปลี่ยนแปลงตามความเหมาะสม
ข้อ ๑๒. สมาชิกสมาคม หรือบุคคลทั่วไป สามารถบริจาคเงินให้เป็นทุนนิธิของสมาคมได้
เงินค่าบำรุงสมาคมหรือทุนนิธิของสมาคมนี้ ให้คณะกรรมการสมาคมฝากธนาคารพาณิชย์ หรือธนาคารเฉพาะกิจของรัฐ หรืออาจจัดซื้อพันธบัตรรัฐบาลหรือพันธบัตรรัฐวิสาหกิจ หรือตั๋วเงินที่รับรอง หรือการฝากประจำโดยธนาคารพาณิชย์ที่ได้ผลประโยชน์มากกว่าผลประโยชน์พันธบัตรรัฐบาล ทั้งนี้ คณะกรรมการสมาคมสามารถนำเฉพาะแต่ผลประโยชน์ของเงินค่าบำรุงสมาคมดังกล่าว มาใช้ในกิจกรรมของสมาคมได้
ข้อ ๑๓. ให้เลขาธิการสมาคมนำชื่อสมาชิกกิตติมศักดิ์ ประกาศให้สมาชิกทั่วไปทราบ
ข้อ ๑๔. สมาชิกภาพของสมาชิกย่อมเริ่มตั้งแต่วันที่สมาคมลงชื่อในทะเบียน
ข้อ ๑๕. สมาชิกภาพของสมาชิกย่อมสิ้นสุดลงเมื่อ
๑. ตาย
๒. มีความประพฤติไม่เหมาะสม ทำความเสื่อมเสียอย่างร้ายแรงต่อจริยธรรมผู้ไกล่เกลี่ย
๓. ลาออก
๔. ขาดคุณสมบัติข้อใดข้อหนึ่งหรือมีลักษณะต้องห้ามตามข้อ ๙.
๕. ละเมิดระเบียบ หรือข้อบังคับของสมาคมโดยเจตนา ซึ่งเมื่อได้รับคำตักเตือนจากคณะกรรมการสมาคมแล้ว ผู้นั้นยังกระทำอยู่
การขาดจากสมาชิกภาพตามข้อ ๑๕.๒ และข้อ ๑๕.๕ ให้คณะกรรมการสมาคมเป็นผู้พิจารณามีมติด้วยคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า ๓ ใน ๔ ของจำนวนกรรมการสมาคมที่มาประชุมและออกเสียงลงคะแนนให้สมาชิกภาพสิ้นสุด
สมาชิกที่สิ้นสุดสมาชิกภาพตามข้อ ๑๕.๒ ข้อ ๑๕.๓ ข้อ ๑๕.๕ มีสิทธิ์ยื่นคำขอแสดงความจำนงเข้าเป็นสมาชิกได้อีกเมื่อพ้นกำหนด ๑ ปี นับแต่วันที่สิ้นสุดจากการเป็นสมาชิกภาพ และหากคณะกรรมการสมาคมได้พิจารณาคำขอและไม่ยอมรับผู้นั้นเข้าเป็นสมาชิกแล้ว ผู้นั้นอาจยื่นคำขอได้อีกเพียงครั้งเดียวเมื่อพ้นกำหนด ๑ ปี นับแต่วันที่คณะกรรมการสมาคมมีมติไม่ยอมรับเป็นสมาชิก
หมวดที่ ๕
สิทธิ์และหน้าที่ของสมาชิก
ข้อ ๑๖. สมาชิกสามัญและสมาชิกวิสามัญ จะได้รับสิทธิ์และประโยชน์จากสมาคม ดังต่อไปนี้
๑. บริหารกิจการของสมาคม ในฐานะเป็นผู้คัดเลือกกรรมการสมาคม
๒. มีสิทธิ์ใช้ประโยชน์ในสถานที่ของสมาคม และอื่นๆ โดยต้องอยู่ภายในขอบเขตวัตถุประสงค์และเป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่สมาคมกำหนด
๓. ได้รับข่าวสารตามที่สมาคมได้จัดทำขึ้น
๔. ประโยชน์อื่นใดที่สมาคมกำหนด
ข้อ ๑๗. สมาชิกกิตติมศักดิ์ของสมาคม ได้รับสิทธิ์และประโยชน์จากสมาคมเช่นเดียวกับสมาชิกสามัญและสมาชิกวิสามัญเว้นแต่สิทธิ์ตาม ข้อ ๑๖.๑ และ ข้อ ๑๖.๓ และสิทธิ์และประโยชน์อื่นๆ ตามที่คณะกรรมการสมาคมจะได้กำหนดขึ้น
ข้อ ๑๘. สมาชิกวิสามัญมีสิทธิ์ร้องขอต่อคณะกรรมการสมาคม เพื่อตรวจตราเอกสารบัญชีทรัพย์สินของสมาคมได้ในเวลาอันสมควร
ข้อ ๑๙. สมาชิกสามัญและสมาชิกวิสามัญย่อมมีสิทธิ์เข้าประชุมใหญ่ และมีสิทธิ์ออกเสียงลงคะแนนได้คนละหนึ่งคะแนน การออกเสียงลงคะแนนเป็นสิทธิ์เฉพาะตัวจะแต่งตั้งตัวแทนไม่ได้
ข้อ ๒๐. สมาชิกสามัญและสมาชิกวิสามัญจำนวนรวมกันตั้งแต่ ๕๐ คนขึ้นไป มีสิทธิ์ทำหนังสือร้องขอให้คณะกรรมการสมาคมเรียกประชุมวิสามัญได้ โดยต้องระบุถึงความประสงค์และวาระ ที่ต้องการขอจัดให้มีการประชุมไว้ให้ชัดเจนในหนังสือดังกล่าวด้วย
ให้คณะกรรมการสมาคมจัดการประชุมใหญ่วิสามัญภายในเวลา ๖๐ วัน นับแต่รับหนังสือร้องขอตามวรรคแรก คณะกรรมการสมาคมจะปฏิเสธการจัดประชุมวิสามัญตามที่สมาชิกร้องขอก็ได้ หากเป็นกรณีใดกรณีหนึ่งดังต่อไปนี้
๑. เป็นเรื่องที่ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่กำหนดในวรรคหนึ่ง
๒. เป็นเรื่องที่เกี่ยวกับการดำเนินงานปกติของสมาคม และข้อเท็จจริงที่กล่าวอ้างโดยสมาชิกมิได้แสดงถึงเหตุอันควรสงสัยเกี่ยวกับการดำเนินงานดังกล่าว
๓. เป็นเรื่องที่อยู่นอกเหนืออำนาจที่สมาคมจะดำเนินการให้เกิดผลตามที่สมาชิกประสงค์
๔. กรณีอื่นใดตามที่คณะกรรมการสมาคมเห็นเป็นการสมควร
ข้อ ๒๑. สมาชิกมีสิทธิ์ที่จะเสนอความเห็นเกี่ยวกับกิจการของสมาคมต่อคณะกรรมการสมาคมได้
ข้อ ๒๒. สมาชิกมีสิทธิ์ประดับเครื่องหมายสมาคมได้ตามระเบียบ
ข้อ ๒๓ สมาชิกมีหน้าที่ดังต่อไปนี้คือ
๑. ปฏิบัติตามข้อบังคับและระเบียบของสมาคม
๒. ต้องรักษาคุณธรรม ความดีงาม และไม่ประพฤติเสื่อมเสีย
๓. ช่วยส่งเสริม ร่วมมือ และสนับสนุนในกิจการของสมาคม
หมวดที่ ๖
คณะกรรมการสมาคมและการพ้นจากตำแหน่ง
ข้อ ๒๔. คณะกรรมการสมาคม มีจำนวนทั้งหมดไม่เกิน ๑๕ คน มีอำนาจหน้าที่ดำเนินงานของสมาคมตามขอบเขต วัตถุประสงค์และระเบียบของสมาคม
ผู้ที่จะเป็นกรรมการสมาคมประกอบด้วยบุคคลดังต่อไปนี้
๑. สมาชิกวิสามัญที่ได้รับคัดเลือกจากที่ประชุมสมาชิก จำนวนไม่เกิน ๕ คน ตามข้อ ๘.๓
๒. คณะกรรมการที่ผ่านการอบรมผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท เลือกกันเองไม่เกิน ๕ คน
๓. ประธานศูนย์ไกล่เกลี่ยข้อพิพาทภาคประชาชน เลือกกันเองโดยไม่เกิน ๕ คน
ข้อ ๒๕. กรรมการสมาคมชุดหนึ่ง ๆ อยู่ในตำแหน่งคราวละ ๔ ปี
หากตำแหน่งนายกสมาคมว่างลง ให้ดำเนินการสรรหาจากกรรมการสมาคมชุดนั้น และให้ดำรงตำแหน่งตามวาระที่เหลืออยู่
ในการดำรงตำแหน่งนายกสมาคม มิให้ติดต่อกันเกินกว่า ๒ วาระ
ข้อ ๒๖. กรรมการสมาคมจะขาดจากตำแหน่งโดย
๑. ถึงคราวออกตามวาระ
๒. ตาย
๓. ลาออก
๔. ขาดจากสมาชิกภาพของสมาชิก
ให้กรรมการชุดเดิมส่งมอบงานให้เสร็จสิ้นภายใน ๓๐ วัน นับแต่วันประกาศผลการคัดเลือกกรรมการสมาคมชุดใหม่
หมวดที่ ๗
อำนาจหน้าที่และการบริหารงานสมาคม
ข้อ ๒๗. ข้อตกลง สัญญาหรือนิติกรรมใดๆ ที่ได้กระทำในนามสมาคม จะมีผลผูกพันสมาคมต่อเมื่อข้อตกลง สัญญาหรือนิติกรรมนั้นๆ ได้ผ่านความเห็นชอบของคณะกรรมการสมาคม และ ไม่เป็นการขัดกับวัตถุประสงค์ ข้อบังคับ และระเบียบของสมาคม โดยมีนายกสมาคมหรืออุปนายก ที่นายกสมาคมมอบหมายเป็นกลุ่มที่หนึ่งกับเลขาธิการหรือเหรัญญิกหรือกรรมการสมาคมอื่นที่นายกสมาคมมอบหมายเป็นกลุ่มที่สองลงนามร่วมกัน ๒ คนจากกลุ่มที่หนึ่ง ๑ คน และกลุ่มที่สอง ๑ คน ทั้งนี้ เว้นแต่เป็นค่าใช้จ่ายบริหารสำนักงาน ค่าใช้จ่ายโครงการประจำ ให้เป็นไปตามระเบียบบริหารการเงินและงบประมาณของสมาคม
ข้อ ๒๘. ให้มีการประชุมกรรมการสมาคมอย่างน้อยไตรมาส ละ ๑ ครั้ง เพื่อตรวจตราการเงินและดำเนินงานของสมาคม องค์ประชุมของคณะกรรมการสมาคมต้องมีกรรมการ มาประชุมกันตั้งแต่ ๒๐ คนขึ้นไป ซึ่งจะต้องมีนายกหรืออุปนายกมาร่วมอยู่ด้วย
นายกสมาคม หรือประธานในที่ประชุม อาจกำหนดให้จัดการประชุมคณะกรรมการสมาคมเป็นการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยการดำเนินการจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามที่กฎหมายกำหนด และตามมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศที่กำหนดไว้ในกฎหมาย
ข้อ ๒๙. กรรมการสมาคมอาจคัดเลือกสมาชิกผู้สมควรได้รับการแต่งตั้งเป็นอนุกรรมการเฉพาะกิจการของสมาคมได้
กรรมการสมาคมอาจคัดเลือกบุคคลที่มีความเหมาะสมโดยจะมีสถานะเป็นสมาชิกสมาคมหรือไม่ก็ได้ เป็นที่ปรึกษาหรือคณะทำงานได้ตามสมควร
เสนอรายชื่อและข้อมูลต่อที่ประชุมคณะกรรมการสมาคมเพื่อพิจารณามีมติแต่งตั้ง และให้ผู้ได้รับการแต่งตั้งปฏิบัติงานตามระยะเวลาที่ได้รับมอบหมายซึ่งต้องไม่เกินกว่าวาระของคณะกรรมการสมาคมชุดที่เป็นผู้แต่งตั้งนั้น
ข้อ ๓๐. กรรมการสมาคมแต่ละตำแหน่งมีหน้าที่และความรับผิดชอบ ดังนี้ :
๑. นายกสมาคม มีหน้าที่บริหารงานสมาคม ควบคุมกิจการทั่วไปของสมาคม ให้เป็นไปตามข้อบังคับ มติ ระเบียบ นโยบายของสมาคม และตามกฎหมาย เป็นผู้แทนสมาคมในการติดต่อกับบุคคลภายนอก เป็นประธานที่ประชุมใหญ่ และการประชุมคณะกรรมการสมาคม รวมถึงเป็นผู้มีสิทธิ์ออกเสียงชี้ขาดเมื่อคะแนนเสียงในที่ประชุมเท่ากัน
๒. อุปนายก มีหน้าที่ปฏิบัติงานแทนนายกสมาคมตามที่นายกสมาคมมอบหมาย และในกรณีที่นายกสมาคมไม่อยู่หรือไม่อาจปฏิบัติหน้าที่ได้ ให้อุปนายกในลำดับอาวุโสตามคำสั่งนายกสมาคมเป็นผู้ปฏิบัติงานแทน
๓. เลขาธิการ มีหน้าที่ดำเนินงานของสมาคมตามที่นายก หรืออุปนายกมอบหมายให้ อีกทั้งมีหน้าที่ติดต่อกับสมาชิก และบุคคลภายนอกในกิจการของสมาคม ดำเนินการให้เป็นไปตามระเบียบข้อบังคับของสมาคม เรียกประชุม บันทึกการประชุม เก็บรักษารายงานการประชุม และโต้ตอบจดหมายอันเกี่ยวกับกิจการของสมาคมตามมติของที่ประชุมคณะกรรมการสมาคม รับผิดชอบเกี่ยวกับงานพัสดุ และทรัพย์สินของสมาคม ทำบัญชีทรัพย์สิน สำรวจทรัพย์สินประจำปี และกิจการอื่นๆ ตามที่คณะกรรมการสมาคมมอบหมาย
๔. เหรัญญิก มีหน้าที่ด้านการเงินและบัญชีของสมาคม กำกับดูแลการเก็บ การรักษาเงิน การทวงหนี้และชำระหนี้ของสมาคม การออกใบเสร็จรับเงินทุกประเภท และการจัดทำรายงานการเงินประจำปี ให้ผู้สอบบัญชีตรวจสอบและรับรองเพื่อนำเสนอที่ประชุมใหญ่พิจารณารับรอง ตลอดจนจัดให้มีสมุดบัญชีและเอกสารทางการเงินของสมาคม พร้อมด้วยหลักฐานและใบสำคัญในการรับและจ่ายเงินให้ถูกต้องตามหลักการบัญชี และการเก็บเอกสารหลักฐานต่างๆ ของสมาคมไว้เพื่อตรวจสอบ
๕. นายทะเบียน มีหน้าที่จัดทำทะเบียนประวัติสมาชิก และทำเนียบสมาชิกสมาคม
๖. สาราณียกร มีหน้าที่จัดทำรายงานประจำปี ตลอดจนงานสื่อสารทุกประเภท จัดทำวารสารหรือข่าวสารเกี่ยวกับสมาคม เพื่อแจกจ่าย หรือจำหน่ายแก่สมาชิก ตามที่คณะกรรมการสมาคมมอบหมาย
๗. ปฏิคม มีหน้าที่อำนวยความสะดวกให้สมาชิกและผู้ร่วมในกิจการสมาคม ตลอดจนจัดกิจกรรมและงานสังคมที่สมาคมจัดขึ้น
๘. ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่เผยแพร่ประชาสัมพันธ์ข่าวสาร และกิจกรรมของสมาคม เพื่อประโยชน์และสร้างความสัมพันธ์ระหว่างสมาชิก ตลอดจนงานสื่อสารทุกประเภท จัดทำวารสารหรือข่าวสารเกี่ยวกับสมาคม เพื่อแจกจ่ายหรือจำหน่ายแก่สมาชิก ตามที่คณะกรรมการสมาคมมอบหมาย
กรรมการกลาง มีหน้าที่ให้ความคิดเห็น และร่วมรับผิดชอบการดำเนินงานของสมาคมให้บรรลุตามวัตถุประสงค์อันเป็นประโยชน์ต่อสมาคม
ข้อ ๓๑. การบริหารการเงินของสมาคมให้เป็นไปตามระเบียบการบริหารการเงินของสมาคม ซึ่งได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการสมาคม และเสนอระเบียบให้ที่ประชุมใหญ่ทราบ
ข้อ ๓๒. ให้ที่ประชุมใหญ่แต่งตั้งผู้สอบบัญชี ๑ คน และกำหนดค่าสอบบัญชีประจำปี
หมวดที่ ๘
การประชุมใหญ่
ข้อ ๓๓. เนื่องจากรอบบัญชีของสมาคมเริ่มตั้งแต่วันที่ ๑ มกราคม ถึงวันที่ ๓๑ ธันวาคมของทุกปี จึงให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี ปีละหนึ่งครั้ง โดยปกติภายในเดือนเมษายนของทุกปี
การประชุมใหญ่ต้องมีสมาชิกสามัญและสมาชิกวิสามัญร่วมประชุมไม่น้อยกว่า ๑๐๐ คน ซึ่งในจำนวนนี้ต้องมีกรรมการสมาคมร่วมประชุม ไม่น้อยกว่า ๒๐ คน จึงจะถือเป็น องค์ประชุมได้ ถ้าสมาชิกไม่ครบองค์ประชุมให้เรียกประชุมอีกครั้งหนึ่งภายใน ๓๐ วัน โดยมีจำนวนสมาชิก ร่วมประชุมเท่าใดก็ให้ถือว่าครบองค์ประชุม
นายกสมาคม หรือประธานในที่ประชุม อาจกำหนดให้จัดการประชุมเป็นการประชุมผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์ก็ได้ โดยการดำเนินการจะต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการตามที่กฎหมายกำหนด และตามมาตรฐานการรักษาความมั่นคงปลอดภัยด้านสารสนเทศที่กำหนดไว้ในกฎหมาย
การลงมติต่างๆ ในที่ประชุมใหญ่ หากข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ให้ถือเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ กรณีที่คะแนนเสียงเท่ากันให้ประธานในที่ประชุมใหญ่เป็นผู้ชี้ขาด
ข้อ ๓๔ การประชุมสมาชิกวิสามัญเพื่อเลือกตั้งกรรมการสมาคม ตามข้อ ๒๔ ต้องมีสมาชิกวิสามัญร่วมประชุมไม่น้อยกว่า ๓๐ คน ซึ่งในจำนวนนี้ต้องมีกรรมการสมาคมร่วมประชุมไม่น้อยกว่า ๕ คน จึงจะถือเป็นองค์ประชุมได้ ถ้าสมาชิกวิสามัญไม่ครบองค์ประชุมให้เรียกประชุมอีกครั้งหนึ่งภายใน ๑๔ วัน โดยมีจำนวนสมาชิกวิสามัญร่วมประชุมเท่าใดก็ได้ให้ถือว่าครบองค์ประชุม
ข้อ ๓๕. การประชุมใหญ่ดังกล่าวในข้อ ๓๓ นั้น ให้เลขาธิการโดยอนุมัติของคณะกรรมการสมาคมประกาศกำหนดวัน เวลา วิธีการประชุม และสถานที่ที่จะประชุมแจ้งให้สมาชิกสามัญและสมาชิกวิสามัญทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า ๑๕ วัน ก่อนกำหนดวันประชุม
การประกาศตามวรรคแรก อาจดำเนินการโดยประกาศในหนังสือพิมพ์รายวันและทางเว็บไซต์สมาคม หรือที่อยู่ทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือไปรษณีย์ตามที่สมาชิกแจ้งในข้อมูลทะเบียนสมาคม หรือตามวิธีการอื่นที่คณะกรรมการสมาคมเห็นสมควร
ข้อ ๓๖. ให้คณะกรรมการสมาคมเป็นผู้ทำรายงานประจำปีรวมเรื่องราวกิจการงานแต่ละอย่างตามวัตถุประสงค์ ตลอดจนแสดงงบดุลประจำปี เพื่อสมาชิกสามัญและสมาชิกวิสามัญทั้งหลายอาจตรวจดูได้ไม่น้อยกว่า ๗ วันก่อนวันประชุมใหญ่ หรือเผยแพร่ลงในเว็บไซต์สมาคมเพื่อประโยชน์แก่การตรวจสอบของสมาชิก
ข้อ ๓๗. นอกจากการประชุมใหญ่สามัญประจำปีดังกล่าวแล้ว หากมีกรณีพิเศษในปีใด ที่กรรมการสมาคมเห็นสมควร อาจจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญด้วยก็ได้ แต่การเรียกประชุมใหญ่วิสามัญนี้ ให้ระบุความประสงค์ที่จะต้องการประชุมโดยชัดแจ้งให้สมาชิกทราบพร้อมกันไปด้วย โดยให้นำความในข้อ ๓๓ และข้อ ๓๕ มาใช้บังคับโดยอนุโลม
หมวดที่ ๙
การแก้ไขข้อบังคับและวางระเบียบ
ข้อ ๓๘. ห้ามมิให้ตั้งข้อบังคับขึ้นใหม่ หรือเพิ่มเติมแก้ไขดัดแปลงข้อบังคับนี้ นอกจากกระทำโดยที่ประชุมใหญ่ด้วยมติสองในสามของจำนวนสมาชิกที่มาประชุม
ข้อ ๓๙. นอกจากข้อบังคับนี้จะกำหนดเป็นอย่างอื่น ให้กรรมการสมาคมมีอำนาจ วางระเบียบการที่ไม่ขัดหรือแย้งกับข้อบังคับ เพื่อจัดการให้เป็นไปตามความประสงค์แห่ง ข้อบังคับนี้
หมวดที่ ๑๐
การเลิกสมาคมและการชำระบัญชี
ข้อ ๔๐. ถ้าสมาคมต้องเลิกด้วยเหตุผลใดก็ตาม ให้ทรัพย์สินทั้งหมดของสมาคมตกเป็นของ............................................
บทเฉพาะกาล
ข้อ๔๑ ผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท ที่ผ่านการอบรมหลักสูตรผู้ไกล่เกลี่ยข้อพิพาท (พุทธสันติวิธี) มหาวิทยาลัย มหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย เป็นแกนนำก่อตั้งสมาคมนี้ ข้อ ๔๒ การประชุมร่วมกันของผู้จะเป็นสมาชิก รวมกันประชุมไม่น้อยกว่า ๕๐ คน แล้วมีมติจดทะเบียนสมาคมนี้ และดำเนินการจดทะเบียนสมาคมตามกฎหมาย จัดว่าเป็นสมาชิกสมาคมที่นำเข้าจดแจ้งสมาคม เป็นคณะกรรมการชุดแรกของสมาคม
……………………………………..