ไทยมหารัฐ ปิ่นนานาประเทศ
ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม...
ยามเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ
นับตั้งแต่นี้ไปประเทศไทย บ้านเมืองและสังคมจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์ชาติไทย
ในช่วงของการเปลี่ยนผ่านเขาสู่ยุคศิวิไลซ์ เราจะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างสงบ แต่อาจจะมีการหยุดชะงักชั่วคราว ในด้านการเงินการธนาคาร อาจจะทำให้เกิดความวุ่นวายไปชั่วระยะเวลาหนึ่ง แต่เมื่อเวลาผ่านไปทุกอย่างจะดีขึ้นตามลำดับ
ทัศนคติและค่านิยมที่เคยยึดถือกันในรัชกาลที่ผ่านมาจะเปลี่ยนไปหลายประการ สิ่งที่เคยนิยมว่าดีอาจกลายเป็นไม่ดี สิ่งที่ถูกมองข้ามจะกลายเป็นความสง่างาม
การสร้างภาพลักษณ์เพื่อให้ดูว่าเป็นคนดี ที่เคยทำได้ตอนปลายรัชสมัยที่ผ่านมา จะกลายเป็นสิ่งน่ารังเกียจของวิญญูชนและได้รับการตำหนิติเตียนว่าเป็นตีสองหน้า หรือหน้าไหว้ หลังหลอก ตามคำสุภาษิตโบราณเคยกล่าว ยุคก่อนจะบอกว่าเป็นคนฉลาด แต่รัชกาลใหม่นี้จะถือว่าเป็นคนใช้ไม่ได้ ไม่มีใครอยากคบหา เพราะถือว่าไม่ซื่อตรงต่อตนเองและไม่ซื่อตรงต่อใครๆ ค่านิยมนี้จะถูกเปลี่ยนใหม่ในรัชกาลนี้
นักการเมืองที่มุ่งเพียงการเลือกตั้ง หรือเล่นการเมืองเพื่อรักษาผลประโยชน์ของตนเอง จะไม่มีใครคบค้าหรือเลือกเหมือนที่ผ่านมาอีกแล้ว นักการเมืองจะต้องไม่ใช่ “เล่นการเมือง” แต่จะเป็นผู้อุทิศตนทำเพื่อชาติบ้านเมือง ไม่ใช่มา “เล่น”การเมืองเสมือนหนึ่งบ้านเมืองและประชาชนเป็นของเล่นได้อีก
ชาติตะวันตกที่ครอบงำประเทศไทยมาช้านานและหวังจะให้ประเทศไทยเข้าสู่วิกฤต แบบเดิมอีกครั้งจะไม่สามารถทำได้
ประเทศจีนที่มุ่งหวังจะเข้ายึดครองอำนาจทางเศรษฐกิจของไทย ก็จะไม่สามารถทำอะไรได้สมดั่งใจ
นอกนี้ประเทศไทยจากจะกลายเป็นประเทศมหาอำนาจของโลกยุคใหม่ที่จะช่วยฟื้นฟูโลกในด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านจิตใจของประชาชนที่ร่ำรวยแต่ทางวัตถุ แต่ยากไร้ทางจิตวิญญาณ
คนไทยในยุคใหม่จะนับถือพระพุทธศาสนาแบบสติปัญญาหรือวิทยาศาสตร์มากกว่าอิทธิปาฏิหาริย์ อันเป็นคำสอนพระพุทธเจ้าที่แท้จริง
เมื่อเข้าสู่ยุคศิวิไลซ์ไปสักระยะหนึ่ง ผู้คนทั้งประเทศจะหันมามีค่านิยมในการปฏิบัติธรรมรักษาศีล สถานเริงรมย์และอบายมุขต่างๆที่เคยเฟื่องฟูตลอด ๓๐ ปี ต่อจากนี้จะเสื่อมไป ผู้ที่เคยทำตัวเป็นเจ้าพ่อ เจ้าแม่ นักเลงหัวไม้ จะเริ่มเกิดความสลดในชีวิตที่ผ่านมาของตน แล้วคิดถึงการกลับตัวกลับใจหันหน้าไปบำเพ็ญธรรมรักษาศีล หลังจากนั้นทรัพย์สมบัติโบราณที่ถูกซ่อนไว้มานาน จะได้รับการนำขึ้นมาจัดสรรแบ่งปันอย่างถูกต้องเพื่อประโยชน์ของประชาชนและของชาติ ความมั่งคั่งอุดมสมบูรณ์จะเกิดขึ้นกับทุกคนเพราะมีรัฐบาลที่มีธรรมาภิบาลคอยจัดสรรค์และบริหารประเทศอย่างซื่อสัตย์
จะเกิดการเปลี่ยนแปลงในสถาบันกษัตริย์ ที่พระองค์ท่านจะลดพระองค์ลงมาทำตัวเป็นสามัญชนหรือคนธรรมดามากขึ้นอันเป็นไปตามยุคสมัย ประชาชนจะมีประชาธิปไตยและมีเสรีภาพมากขึ้น กฎหมายบางประเภทที่มีการบิดเบือนวัตถุประสงค์ แล้วนำไปใช้เพื่อกำจัดศัตรูทางการเมืองอันสร้างความแตกแยกและทุกข์ยากมานาน จะต้องมีการปรับเปลี่ยนหรือยกเลิกเพื่อให้เป็นไปตามนานาอารยประเทศเพื่อสถาบันจะได้ดำรงอยู่ยืนนานด้วยคุณความดีและพระบารมีอันแท้จริง
ประเทศไทยในยุคต่อไปจากนี้ จะไม่มีการทุจริตคอรัปชั่นเพื่อผลประโยชน์ของตนได้อีกแล้ว ทุกคนจะประกอบอาชีพด้วยความสุจริตและความอุตสาหะของตนเพื่อไปสู่ความสำเร็จและความก้าวหน้า
ทุกคนจะรู้จักพึ่งพาตนเองดำรงตนอยู่ในศีลธรรมอันดีงาม ทำหน้าที่ของตนด้วยสติปัญญาของตนโดยไม่ต้องทุจริตคตโกง ความสำเร็จที่ได้จึงเป็นความภาคภูมิใจและเป็นความสุขของแต่ละคนอย่างแท้จริง
วงการพระศาสนาก็จะเกิดการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ ผู้คนจะศึกษาธรรมะนับถือพระที่ความรู้ความสามารถและการปฏิบัติ เรื่องยศศักดิ์ตำแหน่งจะไม่มีความหมายอีกแล้ว ผู้ที่บวชด้วยวัตถุประสงค์อย่างอื่นจะเริ่มพบกับความลำบากทั้งกายและใจ ส่วนผู้บวชด้วยศรัทธาหรือมุ่งตรงต่อพระธรรมวินัยจะมีความร่มเย็นทางจิตใจ
“ศิวิไลซ์จะบังเกิดในสยาม
หลังฝนคร้ามลั่นครืนจะยืนได้
จะเข้าสู่ยุคมหาชนพาไป
เปลี่ยนเมืองใหม่ศักราชแห่งประชา
คนชั่วจะถูกปราบราบคาบสิ้น
แผ่นดินเดือดสูญหายไร้ปัญหา
ประเทศชาติผ่านวิกฤติด้วยศรัทธา
ยามเมื่อฟ้าสีทองผ่องอำไพ”
นับจากนี้ไป ประเทศไทยจะมีการปฎิรูปไปสู่ความเป็นยุคศิวิไลซ์อย่างแท้จริง
- รับข้อความแชร์ เมื่อ 30 เมษายน 2565